China Semiconductor: SMIC vs Hua Hong Semiconductor
SMIC และ Hua Hong Semiconductor ต่างรายงานรายได้ใน 2Q25 เติบโตแข็งแกร่งจากปีก่อนหน้า แม้ว่ากำไรสุทธิจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
SMIC บริษัทรายใหญ่ที่สุดด้าน Foundry ในจีน มีรายอยู่ที่ $2,209mn ลดลง 2% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 16% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดราว 2–4% จากอัตราการใช้กำลังการผลิต (UT rate) เพิ่มเป็น 92.5% จาก 89.6% ในไตรมาสก่อน ทำให้ Gross Margin อยู่ที่ 20.4% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดีกำไรสุทธิอยู่ที่ $132.5mn ลดลง 19% YoY และ 30% QoQ จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้นโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้าน R&D และการดำเนินงานที่ปรับสูงขึ้นตามการขยายตัวของโรงงานใหม่
ในขณะที่ Hua Hong Semiconductor แม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัว โดยมีรายได้อยู่ที่ $566.1mn เติบโต 18.3% YoY และเพิ่มขึ้น 3% QoQ สูงกว่าคาดเล็กน้อย รายได้จากทั้ง 8 Inches และ 12 Inches Wafer ต่างก็สูงกว่าคาด ขณะที่ gross margin ทำได้ 10.9% ดีกว่าคาดการณ์ จากการบริหารต้นทุนและ Product Mix ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิอยู่เพียง $7.95mn ยังต่ำกว่าคาดจากผลกระทบค่าใช้จ่ายและค่าเสื่อมราคา
จุดที่เหมือนกันคือรายได้ที่เติบโตสะท้อนความต้องการในประเทศ
จุดที่เหมือนกันของทั้งสองบริษัท คือภาพรวมของรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY ในระดับสองหลัก ซึ่งสะท้อนถึงการกลับมาของความต้องการในตลาด โดยเฉพาะในจีนซึ่งยังคงเป็นตลาดหลักของทั้งสองบริษัท โดย SMIC มีสัดส่วนรายได้จากจีนที่ 84.1% และ Hua Hong อยู่ที่ 83% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการปรับใช้กำลังการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการเติบโตของคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าเดิมในประเทศ
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณารายละเอียดพบความแตกต่างอย่างชัดเจน
1)SMIC มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และลูกค้ามากกว่า โดยครอบคลุมทั้งกลุ่มสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรม IoT ขณะที่ Hua Hong ยังคงพึ่งพากลุ่ม Consumer Electronics สูงถึงกว่า 60% แม้จะเริ่มมีการกระจายไปยังกลุ่ม Industrial และ Automotive มากขึ้น
2)นอกจากนี้ SMIC ยังมีฐานเทคโนโลยีที่ลึกกว่า โดยให้บริการเทคโนโลยีระดับ 28nm และต่ำกว่านั้น ซึ่งแม้จะเผชิญข้อจำกัดจากการแบนเทคโนโลยีจากตะวันตก แต่ก็ยังเป็นกลุ่มที่จีนต้องการผลักดันเพื่อสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ส่วน Hua Hong นั้นยังคงเน้นตลาด Mature Node ที่ 90nm ขึ้นไป โดยมีความแข็งแกร่งเฉพาะด้านในเทคโนโลยี Analog และ Power Management