สรุปประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
โทนของการประชุม: เป็นบวก
(+) ผู้บริหารคาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H68 จากการเปิดตัวเรือใหม่หลายลำ ได้แก่ เรือ FSU, เรือขนส่งผู้โดยสารและสัมภาระ และการดัดแปลงเรือ Aframax เป็นเรือ FSO ซึ่งจะช่วยเพิ่ม capacity และรายได้
(+) ธุรกิจ FSU มีอัตราการใช้งานเรือที่ดีขึ้น โดยเรือ Kirin Star มีการใช้งานเต็มกำลังตั้งแต่เดือนก.ค. ผู้บริหารคาดว่าอัตราการใช้งานเรือ FSU ใน 2H68 ของปีจะอยู่ที่ 93-100%
(+) ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OSV) ได้รับประโยชน์จากสัญญาระยะยาว ทำให้มีรายได้ที่มั่นคง ขณะที่ตัวแทนสายเดินเรือเริ่มได้รับความสนใจจากลูกค้ารายใหม่
(+) เรือบรรทุกสารเคมีลำใหม่ (ขนาด 13,800 DWT) จะถูกส่งมอบในเดือนต.ค. 2568 โดยผู้บริหารวางแผนที่จะนำเรือลำนี้ไปให้บริการใน spot market ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะทำสัญญาเช่าแบบกำหนดระยะเวลากับลูกค้าเป้าหมายใน 1Q69
(+) แนวโน้มของตลาดเรือบรรทุกสารเคมีทิศทางดีขึ้น เนื่องจากตลาดเรือบรรทุกสารเคมีกำลังอยู่ในช่วงการปรับปรุงกองเรือ เนื่องจากเรือขนาดต่ำกว่า 42,000 DWT สัดส่วน 58% มีอายุเกิน 15 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการเรือที่ใหม่กว่าในอนาคต อัตราค่าเช่าเรือที่ PRM จะเข้าไปดำเนินการ (ขนาด 12,000 DWT) ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในกองเรือเชิงกลยุทธ์ของ PRM
(=) PRM กำลังพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งโดยปกติจะจ่ายในไตรมาสที่ 4
มุมมองของเรา: PRM ยังคงเป็นตัวเลือกการลงทุนระยะยาวที่ดี กองเรือที่หลากหลาย การขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ และรายได้ที่มั่นคง จะช่วยสนับสนุนให้ PRM เติบโตได้ดี 2H68 และปีต่อๆ ไป นักลงทุนควรพิจารณาสะสมหุ้น PRM โดยเฉพาะเมื่อเรือใหม่เริ่มให้บริการและอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กำไรเติบโต เราคาดว่าเงินปันผลระหว่างกาลจะอยู่ที่ 0.24-0.25 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 7.7%
คงคำแนะนำ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 8.60 บาท อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 5.4 เท่า
