• เรามีมุมมองที่เป็นบวกที่ทาง ธปท. และกลุ่มสมาคมอสังหาฯ ได้มีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูล อย่างไรก็ตามการพิจารณาปลด LTV ชั่วคราวเพื่อกระตุ้นยอดซื้อสังหาฯ อาจต้องพิจารณาหลายปัจจัย รวมไปถึงความร่วมมือจากสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากช่วงปีที่ผานมาอัตราการกู้ไม่ผ่าน (loan rejection rate) เพิ่มขึ้นสูงในทุกกลุ่ม Segment จากความระมัดระวังของสถาบันการเงินในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังสูง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
• เรามองว่าหากมีการปลด LTV ชั่วคราวจริงจะช่วยหนุนยอด Presales ของทั้งกลุ่มอสังหาได้ทันที หากเทียบล่าสุดที่มาตรการปลด LTV เคยบังคับใช้คือช่วง 4Q21 ถึง 4Q22 ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยที่ 5.9% และเป็นช่วงที่กลุ่มอสังหาฯมี Presales เติบโตได้ +/-15% แม้ในปีนี้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าแต่เรามองว่ามี pent-up demand ที่ค้างอยู่มากพอควรจากการกู้ไม่ผ่านที่สะสมมาซึ่งจะกระตุ้น presales ระยะสั้นได้
• หากมีการปลด LTV เรามองบวกต่อกลุ่ม หุ้นที่เรายังคงชอบคือ AP และ SIRI
ธปท.จ่อทบทวนเกณฑ์LTV SIRI-AP-SCB-TTB ตีปีกรับ
ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 19 ก.พ. 2568
แบงก์ชาติพร้อมพิจารณาข้อเสนอทบทวนมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ยอมรับมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายภาคอสังหาฯ ที่กำลังซบเซาได้ โบรกฯ ประเมินกลุ่มอสังหาฯ ขนาดใหญ่รับผลบวก SIRI AP ส่วนกลุ่มแบงก์นำโดย SCB TTB KTB วันนี้จับตา “คลัง” แจงเกี่ยวกับกองทุน THAI ESG 2
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์และโฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มีนักธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ได้เข้าพบหารือกับรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนคลายเกณฑ์อัตราส่วนการให้สินเชื่อซื้อบ้านโดยเทียบกับมูลค่า (Loan to Value :LTV) ซึ่งต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) โดยอยู่ระหว่างนำข้อมูลต่าง ๆ มาประกอบพิจารณา อาทิ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากความต้องการซื้อบ้านที่ปรับตัวลดลง หรือว่าเกิดจากการปล่อยสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อนุมัติยาก ซึ่งต้องมองว่าLTVจะไปช่วยปรับแก้ได้อย่างไร การดำเนินการต้องมีความเหมาะสม
ดังนั้น ธปท.จึงมองว่ายังมีกุญแจที่เหมาะสมกว่าการผ่อนคลายLTVหรือไม่ โดยLTVอาจจะเหมาะกับการผ่านอนุมัติสินเชื่อแล้ว แล้วค่อยมาดูว่าคุณได้LTVที่เท่าไหร่
“คนกู้ซื้อบ้านมีความเสี่ยงสูง แม้มีบ้านหลังแรกไปแล้ว แต่หลังที่2รายได้ยังมาไม่ถึง ธนาคารเขาต้องดูตรงนั้นก่อน ดังนั้นต้องคุยกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และธนาคาร เพื่อมองมุมมองของแต่ละคน เป็นสิ่งที่ต้องคุยกันต่อเนื่อง สิ่งที่คุยกันไม่ใช่ว่าจะตอบตกลง ต้องดูที่ความเสี่ยงของภาพรวมเศรษฐกิจด้วย การฟื้นตัวของรายได้ผู้กู้ ความเสี่ยงของผู้กู้ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือยอดขายไปไม่ได้เพราะไม่ได้ถูกอนุมัติตั้งแต่ต้น ต้องดูว่าLTVคือรากเหง้าของปัญหาหรือไม่”
อย่างไรก็ดี นางสาวชญาวดี กล่าวยอมรับว่า สิ่งที่ธปท.ต้องพิจารณาคือ การผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จะมีส่วนช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ได้จริงหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ธปท.ก็ไม่ได้ปฏิเสธ และมองว่า LTV “มีส่วนช่วยได้” สำหรับกลุ่มที่รายได้สูง โดยเฉพาะสัญญาที่ 2-3 และมีศักยภาพในการกู้ได้ แต่ไม่ใช่กลุ่มเปราะบาง
ดังนั้น ประเด็นเหล่านี้จะต้องพิจารณาร่วมกันกับข้อมูลต่าง ๆ ทั้งสัญญาณการเก็งกำไรของภาคอสังหาริมทรัพย์ ควบคู่กับอุปสงค์ อุปทานคงเหลือของภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย