บทสรุป |
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง 0.3% โดยตลาด DM ได้รับแรงกดดันจากการขายทำกำไรประเด็นแนวโน้มดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ในขณะที่ตลาด EM ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกรถตุ้นเศรษฐกิจของจีนและแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง กระแสเงินในวันที่ 29 ธ.ค. 2023 1) กระแสเงินในตราสารมีความผันผวน มีแรงซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีและหุ้นกู้ภาคเอกชนทั้งนี้มองว่านักลงทุนเริ่มมองถึงดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง 2) มีแรงซื้อในตลาด EM หลังจขากเผชิญแรงขายก่อนหน้านี้และค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง 3) มีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กหลังจากที่ตลาดฟื้นตัวต่อเนื่องและเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดกังวล 4) ตลาดหุ้นจีนเริ่มมีแรงซื้อกลับหลังจากเผชิญแรงขายก่อนหน้านี้ ทั้งนี้มองเป็นเรื่องความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม 5) กลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจอย่างกลุ่ม สินค้าอุตสาหกรรมและ Materials มีแรงขายทั้งนี้เป็นผลจากภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง 6) มีแรงขายในกลุ่มพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลังจากตลาดกังวลแนวโน้มอุปสงค์พลังงาน ตัวเลขการส่งออกเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค. 2023 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.7% YoY แต่สะท้อนภาพความแตกต่างสองอย่าง 1) การส่งออกชิปและเซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี 2) การส่งออกที่ไม่ใช่ใช่ชิปปรับตัวลดลง 8.9% YoY แย่ที่สุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 2022 และสะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่การส่งออกไปยังจีนหดตัวลงต่อเนื่อง -3% YoY แม้ว่าจะน้อยลง แต่การส่งออกไปยังสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 21% YoY และแซงหน้าจีนสะท้อนภาพเศรษฐกิจของสหรัฐยังมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่จีนยังมองหาจุดสมดุลใหม่ ด้วยภาพในรูปแบบนี้บ่งชี้ว่ารอบการฟื้นตัวของเซมิคอนดักเตอร์ยังมีความชัดเจนต่อเนื่อง ทั้งนี้มองว่าเป็นผลจากราคาหน่วยความจำเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่เดือน ต.ค. 2023 และสินค้าคงเหลือกลับสู่จุดสมดุลมากขึ้น ในขณะที่สินค้าที่ไม่ใช่ชิปมีแรงกดดันด้านลบจากดอกเบี้ยสูงทำให้อุปสงค์สินค้าชะลอตัวลง เรายังมองว่ากลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์อย่าง AMD, INTC, TSMC ยังไปต่อได้ใน 1H24 แต่ระมัดระวังแรงขายหลังจากการเติบโตจะเริ่มเข้าสู่ฐานสูงใน 2H24 ตัวเลขยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ทำจุดสูงสุดใหม่ในเดือน ธ.ค. และ 4Q23 บ่งชี้ว่าอุปสงค์รถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในระดับสูงและอาจจะหมายถึงความจำเป็นของ Tesla ในการส่งมอบที่สูงเพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งตลาดคาดการณ์ยอดส่งมอบที่ 4.8 แสนคันใน 4Q23 ทั้งนี้การลดราคาของ Tesla ส่งผลกับอัตราการทำกำไรของบริษัทแต่ไม่ได้กระทบกับอัตราการทำกำไรของ BYD มากนักทำให้ใน 3Q23 อัตราการทำกำไรขั้นต้นของ BYD สูงกว่า Tesla เราอยากเห็นการ Consolidate ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กนอกจากนั้นมองการลดราคาของ Tesla ในปี 2024 น่าจะมีแนวโน้มลดลงแต่ไม่แรงเท่ากับปี 2023 เราจึงมองว่าการลงทุนใน Tesla นั้นซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงแถว US$200-220 ช่วงผลประกอบการและการลดราคาขาย มองรยะยาวยังเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในกลุ่มนี้และมี Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ BYD ยังลงทุนได้แต่ราคาจะปรับตัวขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาด EV มีการ Consolidate มากขึ้น |
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Global morning routine_240102_T |