- ตลาดหุ้นทั่วโลก หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในภาพรวมออกมาดี ด้าน ECB ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps และส่งสัญญาณการสิ้นสุดวงจรการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางจีนปรับลด RRR เป็นครั้งที่สองของปี Surprise ตลาด โดยปรับลด 25bps สะท้อนแนวโน้มความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
-
- กระแสเงินในวันที่ 13 ก.ย. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้มีเงินไหลเข้าจากแนวโน้มของดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกที่จะผ่านจุดสูงสุด โดยล่าสุดมีเงินไหลเข้าตราสารหนี้คุณภาพดี ตราสารหนี้ระยะยาว และพันธบัตรรัฐบาล 2) มีเงินไหลเข้าในหุ้นขนาดเล็กและหุ้นธีม Growth มองเป็นแรงเก็งกำไรในช่วงสั้น และมีแรงซื้อในหุ้นธีม Value ค่อนข้างหนาแน่น 3) มีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กจากการฟื้นตัวของตลาดในระยะสั้นแต่เทรนด์ยังไม่ชัดเจน 4) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นจีนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 5) มีแรงขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมองเป็นเรื่องค่าเงินเยนแข็งค่าเป็นหลัก 6) กระแสเงินในรายกลุ่มอุตสาหกรรมค่อนข้างจำกัด
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปลดลง 1.6% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 4.8% ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวลดลง 2bps ส่วนตราสาร HY ปรับลดลง 2bps ด้านตลาดหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Reopening ในจีนยังค่อนข้างผันผวน โดยล่าสุดปรับตัวลดลง 0.5% แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมจะออกมามีสัญญาณการฟื้นตัวในระยะสั้น โดยทุกกลุ่มยกเว้นกลุ่มโรงภาพยนตร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
-
- ECB มีมติส่วนใหญ่ขึ้นดอกเบี้ย 25bps ตามที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่ท่าทีของ ECB มีการเปลี่ยนแปลงต่อมุมมองของดอกเบี้ย โดยคราวก่อนหน้าจะยังคงนโยบายการเงินตึงตัวและอิงกับตัวเลขเศรษฐกิจ ส่วนในรอบนี้ประเมินว่าดอกเบี้ยผ่านจุดที่เพียงพอในระยะยาวที่จะทำให้เงินเฟ้อลงมาที่เป้าหมายได้ ซึ่งก็จะตีความหมายว่า ECB ได้ขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายไปแล้ว ซึ่งจะทำให้ตลาดคลายความกังวลกับแนวโน้มดอกเบี้ย แต่สิ่งที่กังวลคือราคาพลังงานที่อยู่ในระดับที่สูง ซึ่งอาจจะส่งผลกับแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะถัดไปได้ เราจึงมองว่าภาพเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นจากแนวโน้มการไม่ขึ้นดอกเบี้ยของ ECB และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐที่ไม่หดตัวรุนแรง ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น
-
- Adobe เผยงบ 3Q23 ดีกว่าคาด โดยรายได้เพิ่มขึ้น 10%YoY ขณะที่ EPS เพิ่มขึ้น 20.3%YoY นอกนั้นให้คาดการณ์งบในภาพรวมตามที่ตลาดคาดและเตรียมขึ้นราคาผลิตภัณฑ์และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ AI โดย 1) ตัวเลข Digital Experience business ส่งสัญญาณการใช้จ่ายด้าน IT ที่เริ่มคงที่และเร่งตัวขึ้น 2) ความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนการขยายของอัตรากำไรและการเติบโตของกำไรได้ ด้วยภาพนี้ทำให้เราคาดว่า ADBE จะยังคงอยู่ในทิศทางเติบโตและได้รับประโยชน์จาก AI อย่างต่อเนื่อง เราจึงแนะลงทุนเพื่อคาดหวังต่ออัตราการเติบโตที่กำลังขยายตัว
-
- Yum China ปรับเพิ่มเป้าการเติบโต 1) แนวโน้มการขยายตัวของสาขาในปี 2566 ปรับเพิ่มเป็น 1,400-1,600 สาขาโดยมีเป้าหมาย CAPEX ไม่เปลี่ยนแปลง 2) เป้าหมายการขยายธุรกิจในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งสูงกว่าที่ค่าเฉลี่ยที่ตลาดตั้งเป้าไว้ที่ 20,000 สาขาภายในปี 2026E โดยเร่งการขยายตัวของทั้ง KFC และ Pizza Hut 3) ปรับเป้าหมายการเติบโตของ EPS เป็น Double digit % CAGR ปี 2024-26E เทียบกับ High Single Digit-Double Digit% ที่คาดการณ์ไว้ใน FY21 4) ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะเวลา 3 ปีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสู่ระดับ $3bn เทียบกับระดับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยการเพิ่มขึ้นทั้งเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน
|