- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยในวันนี้ (16 พ.ค.) จะมีการเจรจาเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ หลังจากที่การเจรจาครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วไม่มีความคืบหน้า ด้านตัวเลขภาคการผลิตทางฝั่งสหรัฐฯยังคงชะลอตัวต่ำกว่าตลาดคาดกดดันจากอุปสงค์ที่ยังคงซบเซาผลจากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ทางฝั่งจีนมีแรงหนุนจากความคาดหวังในเชิงบวกของตลาดต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในสัปดาห์นี้
-
- กระแสเงินในวันที่ 12 พ.ค. 2023 1) มีแรงขายในตราสารหนี้ค่อนข้างมากจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับเพิ่มขึ้น 2) มีแรงซื้อในตลาดการเงินในตลาด EM ที่อาจจะปลอดภัยกว่าตราสารหนี้ในสหรัฐ 3) มีแรงขายในตราสารหนี้ High Yield หลังจากมีความกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้นทั้งนี้มีประเด็นการขยายเพดานหนี้เป็นปัจจัยกดดัน 4) มีเงินไหลออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสะท้อนได้จากผลประกอบการที่ค่อนข้างอ่อนแอ 5) หุ้นกลุ่มเชิงรับอย่าง Staples มีเงินไหลเข้าแต่ปริมาณไม่สูงมากนัก 6) กลุ่มการเงินและพลังงาน รวมถึง Materials ที่อิงกับภาพเศรษฐกิจมีแรงขาย 7) เห็นแรงซื้อในตลาดยุโรปและจีนเพิ่มขึ้นหลังสหรัฐเริ่มมีปัญหาเฉพาะตัว รวมถึงตลาดเกิดใหม่บนภาพของแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปลดลง 4.8% ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ลดลง 1.9% ด้าน Credit Spread ของ IG ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2bps ส่วน HY ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9bps ดูเหมือนตลาดยังไม่ตอบสนองความเสี่ยงเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ภาพรวมยังคงผันผวน กลุ่ม Reopening ในจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% หลังจากปรับตัวลดลอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ เรายังภาพการฟื้นตัวของจีนค่อนข้างชัดแต่อาจจะช้ากว่าที่คาด หุ้นกลุ่มร้านอาหารเริ่มฟื้นตัวปรับเพิ่มขึ้น 1.6%
-
- รัฐบาลฮ่องกงได้เผยแพร่รายงานเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 2023 และตัวเลข GDP ฉบับแก้ไขสำหรับไตรมาสแรกของปี 2023 โดยมีประเด็นสำคัญ 6 ประเด็นคือ 1) เศรษฐกิจฮ่องกงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดส่งผลให้ GDP ที่แท้จริงกลับมาเติบโต 2) การส่งออกสินค้าโดยรวมลดลงอีก 18.7% YoY หลังสภาพแวดล้อมภายนอกที่ท้าทาย เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว 3) การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนภายในประเทศเพิ่มขึ้น 13.0% YoY เนื่องจากความเชื่อมั่นในการบริโภคปรับตัวดีขึ้น 4) สถานการณ์การว่างงานและการจ้างงานต่ำยังคงดีขึ้นควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 5)ตลาดหุ้นฮ่องกงมีความผันผวน โดยช่วงแรกมีแรงหนุนจากการชะลอนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 6) ตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นจากความเชื่อมั่นตลาดที่ดีขึ้น
-
- จากการรายงานของ Bloomberg ต่อการสื่อสารของบริษัทจากผลประกอบการใน 1Q23 นั้นเราจะพบว่า 1) ในภาพรวมความเสี่ยงหลักนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งห่วงโซ่อุปทาน เงินเฟ้อและภาวะของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนถึงมุมมองในแง่บวกของบริษัทในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา 2) ความกังวลหลักได้แก่เงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอยและค่าเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง 3) ความเสี่ยงของเรื่องห่วงโซ่อุปทานและแรงงานนั้นกลับสู่สภาวะปกติอย่างในปี 2021 แล้ว
-
- แม้ว่าเราจะเห็นมุมมองที่เป็นเชิงบวกแต่เราเห็นการปรับประมาณการลงของตลาดโดยใน 2Q23 นั้นตลาดมองว่ากำไรจะลดลง 7.8% เทียบกับ 7.2% ในสัปดาห์ก่อนหน้าและ 6.5% ในเดือนที่แล้ว สำหรับผลประกอบการ 3Q23 นั้นก็ปรับลงเช่นกันโดยจะลดลง 0.7% เทียบกับ 0.6% ในต้นเดือน พ.ค. เมื่อเทียบกับผลประกอบการในช่วง 2015-2016 ที่จะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายผลประกอบการลดลง 3-4 ไตรมาส สิ่งที่อื่นที่บริษัทพูดถึงเยอะ 1) ผลกระทบของภาคการเงินที่หลายบริษัทมีความเกี่ยวข้อง และ 2) การใช้งานของ AI โดยบริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจาก AI ได้แก่ ANET, CAT, ETSY, FCX, IBM, QCOM
|