- ตลาดหุ้นปรับตัวลงหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4.31% เมื่อคืนนี้ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีหลังจากการเปิดเผยรายงานของ Fed สะท้อนทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินที่ยัง Hawkish อยู่ นอกจากนี้ตลาดยุโรปยังมีแรงกดดันจากทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางและงบบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำกว่าคาด ด้านตลาดจีนยังคงมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ซบเซา
-
- กระแสเงินในวันที่ 16 ส.ค. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ค่อนข้างผันผวนจากความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เราเห็นแรงซื้อในตราสารหนี้ระยะสั้นที่อาจจะมีความผันผวนน้อยกว่าตราสารหนี้ระยะยาว เห็นแรงเก็งกำไรในตราสารหนี้ High Yield 2) มีแรงขายในกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจอย่าง Materials สินค้าอุตสาหกรรมและกลุ่มการเงิน ทั้งนี้มองว่ากระแสเงินในกลุ่มนี้ค่อนข้างผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ 3) กระแสเงินในกลุ่มเทคโนโลยีผันผวน กังวลเรื่อง Yield ที่เพิ่มขึ้นแต่มีแรงบวกจากการฟื้นตัว 4) มีแรงซื้อใน EM แม้ว่ามีปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ในจีนและค่าเงินดอลลาร์เริ่มแข็งค่ามากขึ้น 5) กลุ่มพลังงานมีแรงซื้อหลังจากราคาพลังงานเริ่มฟื้นตัว
-
- Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ด้านราคาถ่านหินในยุโรปลดลง 0.4% ราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 3.4% ส่วนต่างดอกเบี้ยของกลุ่ม IG ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 3bps ส่วนตราสาร HY ปรับเพิ่มขึ้น 12bps ขณะที่ตลาดหุ้นจีนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Reopening ในจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% หลังราคาปรับตัวลดลง 4 วันก่อนหน้ารวมลดลง 5.3% แต่อย่างไรก็ดีนักลงทุนกังวลกับภาพการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มเสื้อผ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% และกลุ่มสุราปรับเพิ่มขึ้น 3.2% นอกนั้นปรับตัวในกรอบแคบ
-
- จากรายงานของ PBOC ใน 2Q23 ในภาพรวมจะพบว่ายังต้องการใช้นโยบายการเงินเป็นปัจจัยในการสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจ นอกจากนั้นจะใช้นโยบายการเงินอื่นเมื่อมีความจำเป็นและต้องการให้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญ 4 ประเด็นคือ 1) ท่าทีของนโยบายการเงิน 2) เงินฝืด 3) ค่าเงิน 4) อสังหาริมทรัพย์ ด้วยภาพรายละเอียดที่ออกมาทำให้เรามองว่า PBOC จะมีนโยบายการเงินเพิ่มเติมเช่นลด RRR อีก 25-50bps รวมถึงลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจแต่เรามองว่าน้อยกว่าที่ตลาดคาด เราจึงคงท่าทีระมัดระวังกับเศรษฐกิจจีน เราเน้นไปที่หุ้นการบริโภคและงบดุลแข็งแกร่ง เราชอบ Trip.com, Sands China, China Mobile, AIA, BABA
-
- Walmart เผยงบดีกว่าคาดและโตแกร่งหนุนจากทุกกลุ่มที่เติบโตดี นอกนั้นบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ใน FY24 ขึ้น โดยเรามองว่างบที่ออกมาค่อนข้างโตแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะในสหรัฐฯที่เรามองว่าค่อนข้าง Resilient มากและสามารถเติบโตได้ในสถานการณ์ที่มีแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจนส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อของผู้บริโภค ประกอบกับต้นทุนที่มีแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นในตลาดกลับตอบสนองในทิศทางลบซึ่งเรามองว่าเป็นผลจากความกังวลที่บริษัทเผยถึงอย่าง Consumer spending ที่ยังคงมีแรงกดดันจากสภาวะดอกเบี้ยสูงและ Student loan ในสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เรายังคงเชื่อมั่นใน WMT และคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวจำกัดสะท้อนได้จากงบ 2Q23 ที่ถึงแม้มีแรงกดดันแต่ยังคงเติบโตได้ ประกอบกับคอมเมิร์ซก็ยังดูดี สะท้อนได้ว่าการใช้จ่ายไม่ได้แย่เท่าที่ตลาดคาด
-
- Applied Material เผยงบดีกว่าคาดแต่ยังหดตัวลงทั้งรายได้และกำไร นอกนั้นบริษัทคาดการณ์งบในไตรมาสปัจจุบัน 3Q23 มีแนวโน้มดีขึ้นและมองอุตฯเซมิฯกำลังเลยจุด Bottom ไปแล้วซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับที่ Santa Clara เผยว่าการใช้จ่ายของลูกค้าหน่วยความจำกำลังจะแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้บริษัทยังเผยว่ากลุ่ม wafer-fab ของบริษัทได้เข้าสู่ตลาด AI ราว 5% ภาพงบที่ออกมาถึงแม้การเติบโตจะหดตัวลงแต่อยู่ในกรอบที่แคบลงแล้ว รวมถึงคาดการณ์ที่ให้สะท้อนถึงทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับการได้รับประโยชน์จาก AI ที่ดี ทำให้เรามองบวกต่อ Applied Material และแนะลงทุน ทั้งนี้ด้วยคาดการณ์ที่กลุ่มเซมิฯมองว่ากำลังผ่านจุดต่ำสุด ทำให้เรามองได้ว่ากลุ่มนี้ยังคงมีทิศทางที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2H23 โดยเราชอบ AMD Intel ที่มีตำแหน่งที่ดีในการได้รับประโยชน์จาก AI ด้วยเช่นกัน
|