บทสรุป
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น 0.1% ทั่วโลก ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ฮ่องกง และเวียดนามปรับตัวขึ้นดีในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุดทำการในคืนวานนี้ เนื่องในวันประธานาธิบดี (Presidents’ Day) และจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในคืนวันนี้
กระแสเงินในวันที่ 16 ก.พ. 2023 ในตราสารหนี้ค่อนข้างผันผวน เริ่มมีแรงซื้อกลับ โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ระยะสั้นหลังจากที่ตลาดปรับความคาดหวังบนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐไปแล้วระดับหนึ่งและเงินมีไหลออกไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก แต่ High Yield มีแรงขายจากความกังวลเรื่อง Credit Spread ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เริ่มมีแรงซื้อกลับในตลาดจีนและตลาด EM หลังค่าเงินดอลลาร์เริ่มทรงตัว ยังคงมีแรงซื้อในตลาดยุโรปหลังราคาพลังงานลดลงต่อเนื่อง เริ่มเห็นแรงขายในกลุ่มเชิงรับอย่าง Healthcare และ Utilities
Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วนราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวลดลง 2.5% และราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 2% ด้านค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ปรับเพิ่มขึ้น 5.4% ขณะที่ Credit Spread ของ IG ในยุโรปปรับตัวลดลง 1bps ส่วน HY ในยุโรปปรับตัวลดลง 2bps นอกจากนี้มีรายงานจากฝั่งจีนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองและเปิดประเทศของจีนนั้นมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ราคาเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อย 0.5% หลังจากที่ย่อตัวลงและแกว่งตัวในกรอบแคบมา 9-10 วัน
ตัวเลขสินค้าคงเหลือในกลุ่มผู้ผลิต Semiconductor ใน 4Q22 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยจำนวนวันในการระบายสินค้าอยู่ที่ 141 วันเพิ่มขึ้น14% QoQ (vs 3Q22 +4% QoQ) ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 4Q22 จะปรับเพิ่มขึ้นจาก 3Q22 ประมาณ 2-3% หรือสูงสุด 6-8% QoQ ซึ่งทำให้เราค่อนข้างเป็นกังวลกับแนวโน้มการระบายสินค้าคงคลังและกระทบกับอัตราการทำกำไร รวมถึงภาพการฟื้นตัวอาจจะช้ากว่าที่เราคาดการณ์ไว้ หากมองในรายสินค้า เราค่อนข้างกังวลกับ Memory ที่อยู่ในอุตฯมือถือ PC และ Consumer Electronics ซึ่งมีแนวโน้มไม่ค่อยดี ในขณะที่ MPU (Microprocessor Units)/GPU (Graphic Processing Units) นั้นมีจำนวนสินค้าคงเหลือไม่สูงมากนัก ในกลุ่ม Semiconductor ยังมองว่ารอจังหวะในการย่อตัวลง และมองว่า NVDA และ AMD ที่ทำ MPU/GPU มีแนวโน้มฟื้นตัวที่เร็วกว่าสินค้าอื่น
Bloomberg รายงานว่า Goldman Sachs (GS) คาดหุ้นจีนจะพลิกกลับมาฟื้นตัวดีอีกครั้งหนุนจากกลุ่มธุรกิจที่งบจะเริ่มฟื้นตัวพลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังจากมีการเปิดเมืองอย่างเป็นทางการ โดยมีมุมมองในทิศทางเดียวกันกับเราซึ่งหากต้องการเล่นในกลุ่มนี้เราแนะนำหุ้นที่ราคายังไม่กลับไป Pre COVID-19 อย่าง Beijing Capital International Airport, Shanghai International Airport, Sands China นอกจากนี้ นโยบายล่าสุดจากหน่วยงานของรัฐฯจีนดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับหลายภาคส่วนซึ่งรวมถึงกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเรามองว่าหากต้องการเล่นในธีมนี้อาจมองไปที่ Sany Heavy Industry, Power Construction Corporation of China, China Railway Group, CRRC Corp, China Railway Construction Corporation
บริษัทจดทะเบียนในเวียดนาม ปัจจุบันยังคงมีแรงกดดันจากหลายปัจจัย โดย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงกดดันให้ต้นทุนทางธุรกิจเพิ่มขึ้น, ความต้องการสินค้าที่ชะลอตัวลง และ แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน 4Q22-1Q23 อย่างไรก็ดี เรามองเห็นกลุ่มธุรกิจที่มีการฟื้นตัวสวนทางกลุ่มอื่นคือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ยังคงได้รับแรงหนุนจากการเปิดเมืองของจีน โดยในกลุ่มนี้เราชอบ ACV SAB
Hermes (RMS) และ Mercedes-Benz Group (MGB) เผยงบ FY22 แกร่ง โดยมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน พร้อมให้คาดการณ์ในทิศทางบวก ในส่วน Hermes เรามองมีแรงหนุนจาก Pricing Power และกลุ่มลูกค้าคนรวยที่แกร่ง ขณะที่มองหุ้นมีการปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในช่วงต้นปี 23 ที่ผ่านมา ทำให้เรามีมุมมองที่ค่อนข้างระมัดระวังต่อการเข้าลงทุน ณ ตอนนี้ ซึ่งหากใครกังวลต่อภาพ Upside ในระยะถัดไปของ Hermes เราแนะมอง Kering และ LVMH ที่มีราคาถูกกว่า ประกอบกับยังคงมี Upside และ Pricing Power แกร่งเช่นกัน ขณะที่มองหุ้น MGB ยังคงมี Upside จากผลประกอบการที่แกร่ง อย่างไรก็ดีเราไม่ค่อยชอบบริษัทที่ทำ OEM แต่ชอบบริษัทที่มีการทำ battery ด้วยมากกว่า เช่น BYD