Keyword
Global Morning Routine

INVX Global Morning Routine - 15 มี.ค. 2566

15 Mar 23 12:00 AM
GMRde33a18c-d719-4dfa-a2dd-2b99f0bed4f9-20240912042007

บทสรุป

ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวดี 1.2% หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาเป้นไปตามตลาดคาด ขณะที่เริ่มเห็นภาพคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในภาคธนาคารหลังจากปธน.โจ ไบเดน และหน่วยงานของรัฐบาลทั่วโลกได้ให้คำมั่นว่าจะควบคุมวิกฤตการณ์ดังกล่าวไม่ให้ลุกลามจนสร้างความเสียหายต่อระบบธนาคาร แต่อย่างไรก็ดี เรายังคงแนะติดตามปัญหาความเสี่ยงธนาคารสหรัฐว่าจะลุกลามเป็นวงกว้างหรือไม่ ซึ่งหากเกิดขึ้น Fed อาจเผชิญการตัดสินใจยากลำบาก ว่าจะยังขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ท่ามกลางความเสี่ยงภาคธนาคารที่เพิ่ม

กระแสเงินในวันที่ 13 มี.ค. 2023 1) กระแสเงินในตราสารหนี้มีแรงซื้อต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและบอนด์ระยะสั้น ทั้งนี้เริ่มมองว่าเป็นการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุนลดลงจากภาพตลาดที่ผันผวนและอาจจะคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะหยุดหรือลดดอกเบี้ย เริ่มเห็น High Yield มีแรงขายอีกครั้ง 2) ตลาดญี่ปุ่นเผชิญแรงเทขายจากภาพเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและราคาตัวเพิ่มขึ้นมาจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี 3) มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเชิงรับอย่าง Utilities, Consumer Staples และหุ้นปันผล 4) มีแรงขายในกลุ่ม Growth มองเป็นเรื่องของผลประกอบการเป็นหลัก รวมถึงปัจจัยภายนอกที่มีความผันผวน 5) มีแรงขายในหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มพลังงานและสินค้าอุตสาหกรรมจากภาพเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น

Russia-Ukraine ไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ส่วนราคาถ่านหินในยุโรปปรับตัวลดลง 2.5% และราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 9% ด้านค่าระวางเรือในแม่น้ำไรน์ปรับลดลง 5.6% ขณะที่Credit Spread ของ IG ปรับตัวลดลงในสหรัฐแต่เพิ่มขึ้นในฝั่งยุโรปจากประเด็นของ Credit Suisse ส่วน HY ปรับตัวลดลง 9bps ในระยะสั้น CDS ปรับลดลง 5-7% DoD มองภาพการแนะนำกลับมามองในกลุ่ม High Yield ในสหรัฐเมื่อ Credit Spread ปรับมาเพิ่มขึ้นเหนือ 600bps (ว่าจะมีโอกาสไปมากกว่านั้นหรือไม่) นอกจากนี้ในวันนี้จีนจะเริ่มให้วีซ่ากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

หากเราเทียบเคียงภาพของ SVB และ Signature Bank ในปี 2023 กับ Bear Stearns และ Lehman Brothers ในปี 2008 นั้นอาจจะเทียบกันไม่ได้เพราะผลกระทบก็มีความแตกต่างกันและการตอบสนองของธนาคารกลางสหรัฐก็ค่อนข้างรวดเร็ว แต่เราก็มองว่าใความคล้ายกับปี 2008 ในระดับหนึ่งเช่น 1) ส่วนต่าง 2 ปีและ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็ว 2) ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า 3) สินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวเพิ่มขึ้น 4) ราคาหุ้นค่อนข้างผันผวน ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐจะเข้ามาควบคุมธนาคารขนาดกลางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฐานเงินทุนและสภาพคล่องที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงมีการให้ใช้หนี้ระยะยาวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้กระทบกับแนวโน้มฟื้นตัวและ Valuations ดังนั้นการลงทุนในช่วงเวลานี้เราจึงแนะนำในหุ้นเชิงรับไปก่อนแม้ว่าจะมีภาพของการฟื้นตัวของตลาดในระยะสั้น UnitedHealth, Walmart, P&G, Coca Cola, McDonald, Linde, Philip Morris

ความกังวลธนาคารสหรัฐฯยังไม่ทันหายไปก็มีประเด็นเรื่องของ Credit Suisse ที่เกิดขึ้นและดูเหมือนจะเปราะบางมากกว่า โดยปัญหาของ Credit Suisse นั้นมีมาตั้งแต่ในช่วงปี 2021 หลังจากที่ธนาคารไปมีส่วนกับผลขาดทุนของ Archegos Capital Management ทำให้สถานะการเงินและความน่าเชื่อถือลดลง ผลประกอบการก็ไม่ค่อยจะสู้ดีมากนักในช่วงที่เศรษฐกิจยุโรปมีความเสี่ยงจากวิกฤติพลังงาน นอกจากนี้ในช่วงเดือน มี.ค. ราคาหุ้นของ Credit Suisse ปรับลดลง 20% ผลมาจาก 1) บริษัทมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท 2) PWC มีความเห็นไม่ดีกับงบการเงิน 3) ไม่ส่ง Annual Report ตามเวลา และ 4) มีลูกค้าถอนเงินออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นในเช่นนี้อาจจะทำให้ส่งผลต่ออันดับความน่าเชื่อถือและการขาดสภาพคล่องได้ ซึ่งเป็นปัจจัยความเสี่ยงในกลุ่มธนาคารยุโรป ดังนั้นอาจจะหลีกเลี่ยงไปก่อนแม้ว่าจะมี Valuation ถูกก็ตามและ ECB ยังขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

Meta Platforms (META) ปลดพนักงานกว่า 10,000 คน และปิดตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครก่อนหน้านี้อีก 5,000 ตำแหน่ง ต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ในเดือน พ.ย. 65 ที่มีการปลดพนักงานไปแล้วราว 13% ของพนักงานทั้งหมด อยู่ที่ 11,000 คน สะท้อนให้เห็นได้ถึงความเปราะบางของกลุ่มเทคฯที่มีต่อเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5