เนื้อหาโดยรวม
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะในส่วนของตลาดหุ้นพัฒนาแล้วจากความกังวลดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น ท่ามกลางความเสี่ยงเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนที่จะฟื้นตัวได้หลังการประชุม Fed ที่มีมติคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด อย่างไรก็ตามตลาดมองท่าทีของประธาน Fed ค่อนข้าง Dovish โดยระบุดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงแล้ว นอกจากนั้นยังเตรียมลดวงเงินทำ QT ทำให้ BY กลับลดลงมา 10 ปี ล่าสุด 4.5-4.6% ตลาดหุ้น EM ปรับตัวได้ดีกว่าโดยเพิ่มขึ้น 1.1% หนุนโดยตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะจีนหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี โดย ดัชนี PMI ภาคการผลิตของทางการจีนเดือน เม.ย. ที่ 50.4 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่ยังอยู่ในโซนขยายตัว และท่าทีของรัฐบาลที่จะมีมาตรการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอสังหาฯ ที่เป็นปัจจัยกดดันในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนั้นมาตรการด้านการเงินจะมีส่วนเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วยเช่นกัน ทำหุ้นจีนฟื้นได้ดี ตลาดหุ้นไทยค่อนข้าทรงตัว ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาอย่างชัดเจน ตลาดให้น้ำหนักกับผลประกอบการ 1Q24 ที่ทยอยประกาศในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงแรง หลังความกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลางลดลงมาก ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรหลังขึ้นมาแรงในช่วงก่อน
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงหลัง Fed ส่งสัญญาณดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น ท่ามกลางความเสี่ยงเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แม้ว่าจะประกาศเริ่มลดมาตรการ QT ลงแล้วก็ตาม ขณะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น โดยดัชนีค่าจ้างสหรัฐเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 1 ขณะที่ดัชนี ISM ภาคการผลิตสหรัฐกลับมาต่ำกว่า 50 จุดอีกครั้ง บ่งชี้ความเสี่ยงภาคการผลิต
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยทรงตัวท่ามกลางประเด็นเศรษฐกิจได้แก่ (1) ผู้ว่าฯ ธปท. สัมภาษณ์ CNBC ย้ำตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยอย่างอิสระต่อแรงกดดันทางการเมือง (2) ส่งออกหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ที่ -10.9% และ (3) สศค.ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยเหลือ 2.4% จาก 2.8% จากส่งออกที่หดตัวมากกว่าคาด และ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ยังคงหดตัว
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงแรงมาอยู่ที่ 4.59% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลดลงที่ 4.88% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -29 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ 2.76% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงที่ 2.35% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 6,280 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 26 เม.ย. ที่ 89.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับลดลงที่ 2,310.8 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 105.2 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 152.91 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนลงที่ 1.07 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 36.79 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.24 หยวน
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Wealth weekend_InnovestX_240503_T