สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอยเริ่มกลับมา หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด ได้แก่ ตัวเลข ISM ภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5, ตำแหน่งงานเปิดใหม่เดือน ก.ค. ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2021, การจ้างงานภาคเอกชน (ADP) เดือน ส.ค. ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดกังวลกับความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย นำไปสู่แรงขายทำกำไรในกลุ่มเทคโนโลยี -4.9% กดดันภาพตลาดเพิ่มเติม เช่นเดียวกับลุ่มที่อิงเศรษฐกิจอย่าง พลังงาน Materials และสินค้าอุตสาหกรรมได้รับแรงกดดันจากาคการผลิตที่ชะลอตัวลง แม้ภาคบริการจะยังคงแข็งแกร่ง ตลาดยังมีการเปลี่ยนกลุ่มเล่นไปสู่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ Utilities ที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรลดลง เช่นเดียวกับกลุ่มเชิงรับ Healthcare และ Staples ปรับตัวดีกว่าตลาด ฝั่งตลาดหุ้น EM ปรับลดลงเช่นกัน จากแรงกดดันจากตัวเลขการผลิตของจีนที่หดตัวต่อเนื่อง ล่าสุด Bloomberg รายงานว่าทางการจีนกำลังพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน (Mortgage rate) ลงถึง 80 bps จากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 3.45-4.27% ตลาดหุ้นไทยยังคง outperform ภูมิภาคต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการจัดตั้ง ครม. เป็นไปอย่างรวดเร็ว และจะมีการประชุม ครม. นัดพิเศษก่อนจะแถลงนโยบายในสัปดาห์หน้า นอกจากนั้นการขยายกองทุนวายุภักษ์มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในส่วนของการเปิดขายในเดือน ก.ย. เป็นอีกปัจจัยช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้นไทย รวมถึงความเห็นจากกระทรวงการคลังที่ประเมิน GDP ปี 2567 ว่ามีโอกาสเติบโตได้ถึง 2.7-3.0% ราคาน้ำมันอ่อนตัวแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐและจีน
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลดลงหลังความกังวลเศรษฐกิจถดถอยเริ่มกลับมา หลังจากตัวเลขสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด โดยตําแหน่งงานเปิดใหม่ในสหรัฐลดลงต่ำกว่า 8 ล้านตำแหน่งขณะที่ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงมาก และทำให้บางช่วงกลับมาเป็นปกติ (Normal Yield Curve) หลังจากที่เคยกลับทิศมากว่า 2 ปี
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ ตลาดปรับตัวดีขึ้นรุนแรงจาก (1) ความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาลชัดเจน โดยจะประชุม ครม.นัดพิเศษ 7 ก.ย. แถลงนโยบาย 11 ก.ย.และแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตระยะที่ 1 สู่กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน (2) กองทุนวายุภักษ์ที่เปิดขายเร็วกว่าคาด โดย VAYU1 ให้แก่นักลงทุนทั่วไป 16-20 ก.ย.มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ส่วนสถาบัน 18-20 ก.ย.(3) กกร. ขยับเป้าส่งออกปีนี้ เพิ่มเป็น 1.5-2.5% แต่คงเป้า GDP ที่ 2.2-2.7%
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 3.72% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.74% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -2 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงเล็กน้อยที่ 2.55% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงที่ 2.9% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 10,044 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง หลังตลาดคลายกังวลอุปทานจากลิเบียส่งสัญญาณคลี่คลาย ขณะที่อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน มีแนวโน้มอ่อนแอด้านราคาทองคำ (spot) ทรงตัวที่ 2,548.0 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 101.01 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 143.1 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.11 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งขึ้นรุนแรงที่ 33.5 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.09 หยวน
