สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับฐานแรง ซึ่งยังคงเป็นผลจากการขายทำกำไร โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่ผลตอบแทนเด่นใน 1H24 นอกจากนั้นยังสะท้อนความกังวลต่อกำลังซื้อที่เริ่มชะลอตัวผ่านผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐและยุโรป เริ่มเห็นการหมุนเข้าสู่กลุ่มหุ้นเชิงรับ และได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย โดยกลุ่มเชิงรับปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5-0.8% แม้ในภาพของตัวเลข GDP 2Q24 ของสหรัฐจะยังออกมาดีกว่าคาด กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสื่อสาร ปรับตัวลดลง 3-4% จากความกังวลงบลงทุน AI ที่สูงและการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น กลุ่ม Consumer Discretionary ปรับตัวลดลง 3% จากผลประกอบการที่อ่อนแอจากกำลังซื้อที่ลดลงโดยเฉพาะจากจีน จากภาพตลาดที่ผันผวน ตลาดยังจับตาประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐใกล้ชิด หลัง ปธน. ไบเดนประกาศสละสิทธิการชิงตำแหน่ง ปธน. และสนับสนุนให้รองฯ คามาลา แฮร์ริส ลงสมัครแทน ทำให้การเลือกตั้งสูสีขึ้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัวลงแรง หลังค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น ตลาดหุ้นจีนอ่อนตัวลงเช่นกัน แม้การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์วาระที่ 3 (Third plenum) จะผ่านไปแล้ว และ PBOC จะประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายทั้งระยะสั้นและระยะยาว ลงเหนือความคาดหมายของตลาด สะท้อนความกังวลของกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ รวมถึงโครงสร้างเศรษฐกิจหลักที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้ จากแรงกดดันของตลาดหุ้นในภูมิภาค ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจากวามกังวลเศรษฐกิจจีนอ่อนแอ กดดันกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ใน SET นอกจากนั้นประเด็นการเมืองยังรอความชัดเจนต่อไปในช่วงเดือน ส.ค. ผลประกอบการ 2Q24 ที่ประกาศทำให้เริ่มมีความกังวลต่อแนวโน้มการปรับคาดการณ์ในอนาคต
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ ตลาดการเงินโดยเฉพาะตลาดหุ้นโลกปรับตัวลดลง ผลจากการปรับฐานในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์สหรัฐ นอกจากนั้น ตลาดยังจับตาประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐใกล้ชิด หลัง ปธน. ไบเดนประกาศสละสิทธิ และให้รองฯ คาเมลา แฮริส แทน ด้าน PMI สหรัฐ อังกฤษ และญี่ปุ่นฟื้นตัว แต่ยุโรปตกต่ำลง ขณะที่จีนปรับลดดอกเบี้ยหลัง Third plenum ไม่ได้สนับสนุนเศรษฐกิจมากดังคาด
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ ตลาดปรับตัวลดลงจากความกังวลทางการเมือง โดยตลาดจับตาคดีก้าวไกลวันที่ 7 ส.ค. และคดีนายกฯ วันที่ 14 ส.ค. ขณะที่ (1) คลังแถลงลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตกลุ่มมีสมาร์ตโฟน 1 ส.ค.-15 ก.ย. ส่วนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนต้องรอก่อน (2) คลัง กำลังสอบถามกฤษฎีกากรณีเกณฑ์ปรับปรุงเงื่อนไข ThaiESG จึงยังไม่สามารถให้ ครม. พิจารณาได้ (3) AREA และ MG ระบุยอดขายอสังหาและรถยนต์ลดลง 31% YTD เท่ากัน
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 4.24 % ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 4.44% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -20 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 2.62% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.33% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 12,750 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงจากความกังวลอุปสงค์ชะลอตัว โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่การนำเข้าน้ำมันดิบชะลอลงมาก และความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับลดลงที่ 2,369.4 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 104.29 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 153.72 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.09 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเล็กน้อยที่ 36.15 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.25 หยวน
กดอ่านเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเอกสารได้จากปุ่มด้านล่าง
ดาวน์โหลดเอกสาร คลิก!
