สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกอ่อนตัวลงในช่วงกลางต่อเนื่องไปช่วงปลายสัปดาห์ ความกังวลดอกเบี้ยยังคงยืนสูงต่อเนื่องหลังความเห็นของเจ้าหน้าที่ Fed ที่ออกมาในมุม hawkish เป็นปัจจัยกดดันสินทรัพย์เสี่ยง ที่ปรับตัวขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลง หลังกระแส AI ชะลอตัวลง และสหรัฐชะลอการส่งออกชิปของบริษัท Nvidia และ AMD ไปยังตะวันออกกลาง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับจีน นอกจากนั้นยังมีปัจจัยกดดันจากภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มชะลอตัวลง สะท้อนผ่าน Fed Beige Book และประมาณการ GDP 1Q24 ที่ถูกปรับลดลงบ่งชี้การเติบโตที่เริ่มชะลอจากกำลังซื้อและการใช้จ่ายที่ชะลอตัวลง หักล้างตัวเลข PMI สหรัฐและยุโรปที่สะท้อนฟื้นตัวสะท้อนการเติบโตมากขึ้นในระยะถัดไป ด้าน IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจจีนขึ้นจาก 4.6% เป็น 5.0% เป็นผลจากไตรมาสที่ 1 ที่ขยายตัวแข็งแกร่ง รวมถึงผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ประกาศ ด้านตลาดหุ้นฝั่ง EM ปรับตัวลดลงเช่นกัน จากตัวเลขภาคการผลิตและบริการของจีนออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากแรงกดดันตลาดหุ้นโลก รวมถึงปัจจัยความกังวลด้านการเมืองในประเทศ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากความคาดหวังการต่ออายุการลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของกลุ่ม OPEC+ ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย.
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวลง หลังตัวเลข PMI ของประเทศขนาดใหญ่โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปฟื้นตัวอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางสัญญาณจาก Fed ที่ยังบ่งชี้ดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น ด้าน IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจจีนดีขึ้นหลังคำนวณผลบวกจากมาตรการต่าง ๆ แต่ยังส่งสัญญาณให้ปฏิรูปเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจาก (1) อัยการสั่งฟ้องอดีตนายกฯ ทักษิณ ผิดมาตรา 112 (2) ดัชนีภาคการผลิตไทยฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 18 เดือน ขณะที่การส่งออกของไทยฟื้นตัวชัดเจนขึ้น หลังหดตัวรุนแรงในเดือนก่อน (3) ก. คลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ ผ่อนชำระหนี้แต่ละงวดให้น้อยลง ขยายเวลาผ่อนชำระให้ยาวนานขึ้น และปรับเพิ่มบทบาท บสย. ให้ค้ำประกันมากขึ้น
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 4.54% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.92% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -38 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.82% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงเล็กน้อยที่ 2.39% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,764 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 81.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2,364.2 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ 104.9 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 156.84 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 36.74 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.23 หยวน
อ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติม คลิก Wealth weekend_InnovestX_240531_T