สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงแต่ตลาดมองว่าเป็นการดี เพราะจะทำให้ธนาคารกลางโดยเฉพาะ Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ แม้ว่า (1) ประธาน Fed ส่งสัญญาณในการประชุมสัมมนาวิชาการที่เมือง Jackson Hole ว่า (1.1) แม้เงินเฟ้อลดลง แต่ยังไม่จบ (1.2) เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งโดยเฉพาะการใช้จ่ายภาคเอกชน (1.3) ตลาดแรงงานจะปรับสมดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไป และ(4) ยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ทำให้ดอกเบี้ยในช่วงต่อไปจะ “ขี้น” กับ “ทรง” อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร Fed บางท่าน เช่นประธาน Fed สาขาแอตแลนต้า เริ่มส่งสัญญาณดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดแล้ว ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอลงชัดเจนขึ้น โดย (2) GDP ไตรมาส 2/23 ประกาศครั้งที่ 2 ของสหรัฐชะลอลงทุกองค์ประกอบ โดยขยายตัว 2.1% QoQ SAAR ต่ำกว่าที่ประกาศครั้งแรกที่ 2.4% โดยการบริโภค การลงทุน รวมถึงการส่งออกชะลอลง (3) ตลาดแรงงานสหรัฐชะลอลงชัดเจนขึ้น โดยตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) สหรัฐปรับตัวลดลงเกินคาด โดยอยู่ที่ 8.8 ล้านตำแหน่ง ลดลงจาก 9.2 ล้านตำแหน่งในเดือน มิ.ย. ขณะที่ผู้ว่างงานอยู่ที่ 5.8 ล้านคน ทำให้สัดส่วนตำแหน่งงานเปิดใหม่ต่อผู้ว่างงานอยู่ที่ 1.5 เท่า ลดลงจากช่วงต้นปีที่อยู่ที่ 2 เท่า ขณะที่ (4) การจ้างงานเอกชน (ADP) ชะลอแรงเกินคาด โดยเพิ่มขึ้นที่ 1.77 แสนตำแหน่งในเดือน ส.ค. ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2 แสนตำแหน่ง และเดือนก่อนที่ 3.7 แสนตำแหน่ง (5) ตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE สหรัฐเดือน ก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 4.2% ต่อปี สูงขึ้นจาก 4.1% ในเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เงินเฟ้อ Core PCE ไม่ขยายตัว (6) ภาคเศรษฐกิจและภาคอสังหาฯ จีนยังเสี่ยง โดย PMI ภาคบริการของทางการจีนลดลงต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 51 จุด จาก 53.2 ในเดือน มิ.ย. ขณะที่ภาคการผลิตฟื้นขึ้นเล็กน้อยที่ 49.7 แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50 จุด (7) รัฐบาลจีนประกาศลดภาษีอากรแสตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นลงสู่ระดับ 0.05% จากระดับ 0.1% และประกาศลดเงินดาวน์บ้านหลังแรกลงเหลือ 20% และบ้านหลังที่สองเหลือ 30% รวมถึงอนุญาตให้ประชาชนที่เคยกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยมาก่อนสามารถขอกู้อีกได้ (8) เงินเฟ้อยุโรปยังอยู่ระดับสูงที่ 5.3% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานในยูโรโซน เยอรมนีและสเปนอยู่ระดับสูงถึง 5.3%, 5.5% และ 6.1% ตามลำดับในเดือน ส.ค. โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าจ้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเงินเฟ้อทั้งยุโรปจะยังอยู่ในระดับสูงและผลักดันให้ ECB ต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อจากระดับปัจจุบันที่ 3.75% (ดอกเบี้ยเงินฝาก) ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจแย่มากขึ้น โดยขณะนี้ ปริมาณเงิน (Money Supply) ในยุโรปหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี ขณะที่สินเชื่อให้ภาคธุรกิจไม่ขยายตัว
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงแต่ตลาดมองว่าเป็นการดี เพราะจะทำให้ธนาคารกลางโดยเฉพาะ Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ แม้ว่า (1) ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่า แม้เงินเฟ้อลดลง แต่ยังไม่จบ และมองว่าดอกเบี้ยในช่วงต่อไปจะ “ขี้น” กับ “ทรง” (2) GDP ไตรมาส 2/23 ประกาศครั้งที่ 2 ของสหรัฐชะลอลงทุกองค์ประกอบ (3) ตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) สหรัฐปรับตัวลดลงเกินคาด ขณะที่การจ้างงานเอกชน (ADP) ชะลอแรงเกินคาด ส่วน ศก. และภาคอสังหาฯ จีนยังเสี่ยง โดย (4) PMI ภาคบริการของทางการจีนลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการผลิตฟื้นขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลาง ธพ. ที่เตรียมลดดอกเบี้ยอสังหาฯ
ตลาดหุ้นไทย•ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นรุนแรงหลังจากความชัดเจนในการจัดตั้ง ครม. มีมากขึ้น ขณะที่นายกฯ หารือ 8 CEO บ. เอกชนขนาดใหญ่ และผู้นำธุรกิจท่องเที่ยว รับปากเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ทำตามนโยบายหาเสียงและผลักดัน EEC ต่อเนื่อง ขณะที่พร้อมลดราคาพลังงานหลังประชุม ครม. นัดแรก ด้านพรรคเพื่อไทยระบุนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลจะเป็น Utility Token โดยจะหารือกับ ธปท. ให้สามารถใช้ชำระสินค้าและบริการได้ ขณะที่สศค. และ ธปท. รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ค. ระบุว่ายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งการบริโภค ลงทุนและท่องเที่ยว ขณะที่ส่งออกยังหดตัวต่อเนื่อง
ตลาดพันธบัตร•ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงที่ 4.11% หลังตัวเลขเศรษฐกิจและตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว ขณะที่ผู้บริหาร Fed เริ่มส่งสัญญาณดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ลดลงที่ 4.87% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี ทรงตัวที่ -0.77 bps•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับลดลงที่ 2.77% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.30% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 4.5 พันล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์•ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 25 ส.ค. ที่ 84.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 87.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1,965.5 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 103.6 จุด จากความเป็นไปได้ที่ดอกเบี้ยจะถึงจุดสูงสุดมีมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าที่ 145.81 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 34.96 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.29 หยวน
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม WealthWeekend_230901_T