ผลิตภัณฑ์

  1. หุ้น เป็นหุ้นส่วนบริษัท ด้วยเงินหลักร้อย
  2. กองทุน เปิดพอร์ตแบบอีซี่.. มีมืออาชีพคอยดูแลให้
  3. Intelligent Portfolios เปิดโหมดอัตโนมัติสำหรับดูแลการลงทุน
  4. สินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนบนสินทรัพย์แห่งอนาคต
  5. ตราสารหนี้และหุ้นกู้ ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว
  6. ตราสารอนุพันธ์ มองการณ์ไกล ด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
  7. บริการยืมและให้ยืมสินทรัพย์ ปล่อยเช่า-ขอยืมหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน
  8. กองทุนส่วนบุคคล มีผู้จัดการช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น
  9. คู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา

แหล่งความรู้ด้านการลงทุน

  1. เริ่มลงทุนก้าวแรก เริ่มลงทุนก้าวแรก
  2. ลงทุนตามสินทรัพย์ ลงทุนตามสินทรัพย์
  3. บทวิเคราะห์การลงทุน บทวิเคราะห์การลงทุน
  4. แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน แหล่งความรู้ครอบจักรวาลการลงทุนเพื่อทุกคน

ข่าวสารและโปรโมชัน

  1. โปรโมชันและสิทธิพิเศษเพื่อคุณ
  2. อัปเดตข่าวสาร
  3. ประกาศ
  4. Point to invest
  5. INVX Point​
scbs image

โปรโมชันและสิทธิพิเศษ

พิเศษสำหรับลูกค้า Innovestx เท่านั้นใช้พอยต์แลกกองทุนรวมที่โดนใจ

ดูเพิ่มเติม

เกี่ยวกับเรา

  1. เกี่ยวกับเรา ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับเรา InnovestX
  2. ร่วมงานกับเรา ก้าวไปข้างหน้าแบบมีสไตล์
ค้นหาล่าสุด
เคลียร์
{{GetHitSearchValue.keywordTitle}}

เล่นหุ้นมือใหม่ 101 : ไม่มีประสบการณ์ เริ่มเล่นหุ้นยังไงดี?

blog_list_heading
19 มิ.ย. 2566;
ใช้เวลาอ่าน 5 นาที
121730
แชร์บทความนี้
test_blog_details_img

เนื้อหาโดยรวม

    อยากเล่นหุ้นต้องทํายังไง เริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลยได้ไหม ควรเริ่มเล่นหุ้นยังไงให้มีประสิทธิภาพ ตอบทุกเรื่องสำคัญที่คนเล่นหุ้นมือใหม่ต้องรู้

เล่นหุ้นมือใหม่ 101 : ครบทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเล่นหุ้น

การนำเงินเก็บไปต่อยอดด้วยการลงทุนในหุ้นเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ใครหลายคนได้ยินมาตั้งแต่เด็กจนโต ซึ่งถึงจะดูสร้างผลตอบแทนได้ง่าย ๆ จากการซื้อขาย แต่หุ้นกลับเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่มีรายละเอียด ความซับซ้อน รวมไปถึงความเสี่ยงเฉพาะตัว จนทำให้ใครหลายคนไม่กล้าที่จะนำเงินเก็บมาเสี่ยงในสนามการลงทุนแห่งนี้

อย่างไรก็ดี การเก็บเงินไว้ในบัญชีเงินฝากเพียงอย่างเดียวก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มูลค่าเงินจะลดลงจากสภาวะเงินเฟ้อได้เช่นกัน ซึ่งหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่อยากเผชิญหน้ากับความเสี่ยงเรื่องมูลค่าเงิน และต้องการต่อยอดเงินเก็บด้วยการลงทุนในหุ้นดูบ้าง ลองมาทำความรู้จักกับทุกเรื่องสำคัญที่คนเล่นหุ้นมือใหม่ควรรู้ที่นำมาฝากในวันนี้กัน!

มือใหม่อยากเล่นหุ้นต้องทำยังไง

หุ้นคืออะไร? รู้จักหุ้นให้มากขึ้นกันก่อน!

ตามคำนิยามแล้ว หุ้น หรือ ตราสารทุน คือ ตราสารที่ธุรกิจ หรือ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ออกเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ โดยผู้ถือตราสารทุน หรือผู้ถือหุ้น (Holder) จะมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการร่วม ซึ่งจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทน ทั้งจากการซื้อขายตราสารทุน สิทธิในการจองซื้อหุ้น หรือบางธุรกิจอาจมีนโยบายจัดสรรเงินปันผลให้กับนักลงทุนด้วยเช่นกัน

แต่หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น “หุ้น” จะเป็นตัวบอกสัดส่วนความเป็นเจ้าของในธุรกิจที่เราลงทุน ซึ่งจะมีความหมายคล้ายกับการร่วมหุ้นกับเพื่อน หรือ หุ้นส่วน เพื่อลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งกำไรจากธุรกิจจะจัดสรรปันส่วนไปตามจำนวนหุ้นที่ถือนั่นเอง

ประเภทของหุ้น

แม้จะมีการแบ่งประเภทหุ้นตามผลตอบแทน ตลาดการลงทุน ไปจนถึงประเภทของธุรกิจ แต่โดยภาพรวมแล้ว หุ้นจะมีด้วยกัน 2 ประเภทหลัก คือ

1. หุ้นสามัญ (Common Stock) เป็นหุ้นที่นักลงทุนมีสิทธิร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ และมีสิทธิออกเสียงในการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในแง่มุมต่าง ๆ

2. หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) เป็นหุ้นที่นักลงทุนจะไม่มีสิทธิออกเสียงใด ๆ ในธุรกิจ แต่จะได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ ทั้งยังได้รับเงินทุนคืนก่อนผู้ลงทุนในหุ้นสามัญ หากเกิดเหตุที่ธุรกิจต้องเลิกกิจการ หรือ ขายสินทรัพย์เพื่อชำระบัญชี

ราคาหุ้นมาจากไหน

สำหรับมือใหม่ที่สงสัยว่าจะเริ่มเล่นหุ้นยังไง การทำความเข้าใจราคาหุ้นถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว ราคาหุ้นจะประกอบขึ้นมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ

1. มูลค่าแท้จริง มาจากทั้งเศรษฐกิจ ผลประกอบการ และความสามารถในบริหารงานของธุรกิจ ซึ่งเป็นทั้งตัวกำหนดมูลค่าและความเสี่ยงของหุ้น

2. ความคาดหวังจากนักลงทุน เช่น ผลตอบแทนจากเงินปันผลและส่วนต่างการซื้อขาย นำมาซึ่งความต้องการซื้อและขายหุ้นที่แตกต่างกัน ทำให้ราคาซื้อขายแตกต่างกันด้วย

ความเสี่ยงของการลงทุนหุ้น

มือใหม่หัดลงทุนหลายคนมักสงสัยอยู่เสมอว่า เราจะสามารถเริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลยได้ไหม อย่างไรก็ดี การเริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลยอาจยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุน ทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ต้องการได้

แน่นอนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ถึงแม้ความเสี่ยงในการลงทุนจะเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่ก็หมายถึงโอกาสในการขาดทุนเช่นกัน ดังนั้น เพื่อช่วยให้วางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองมารู้จักความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นให้มากขึ้นกัน

1. ความเสี่ยงของตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอารมณ์ของนักลงทุน เช่น หากเห็นหุ้นตัวไหนได้กำไรดีอาจมีการแห่ซื้อหุ้นจนทำให้ราคาผันผวน

2. ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ และการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน

3. ความเสี่ยงจากหุ้นรายตัว เช่น ความสามารถของผู้ดูแลการลงทุน ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในบริษัทอย่างมีการฟ้องร้อง มีการตกแต่งบัญชี ทำให้พื้นฐานของบริษัทดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลง

4. ความเสี่ยงจากธุรกิจ เช่น ผลประกอบการ หนี้สิน และประสิทธิภาพในการบริหารงานบริษัท หรือปัญหาที่เกิดขึ้นภายในอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

เริ่มเล่นหุ้นยังไงดี

รู้จักหุ้นแล้ว เล่นหุ้นมือใหม่ยังต้องรู้วิธีเลือกหุ้นด้วย

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ หลายคนคงสงสัยอยู่ไม่น้อยว่า ควรจะเริ่มเล่นหุ้นยังไงให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งถึงจะมีเทคนิคการลงทุนหุ้นมากมาย แต่โดยพื้นฐานแล้ว มือใหม่หัดลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นได้ 4 แบบ

แต่หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น “หุ้น” จะเป็นตัวบอกสัดส่วนความเป็นเจ้าของในธุรกิจที่เราลงทุน ซึ่งจะมีความหมายคล้ายกับการร่วมหุ้นกับเพื่อน หรือ หุ้นส่วน เพื่อลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งกำไรจากธุรกิจจะจัดสรรปันส่วนไปตามจำนวนหุ้นที่ถือนั่นเอง

1. ลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐาน (Value Investment)

การลงทุนหุ้นโดยดูปัจจัยพื้นฐาน หรือ การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือที่หลายคนมักเรียกว่าการเล่นหุ้นแบบ VI คือ การลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่ดี มีโอกาสเติบโตและมีความมั่นคงสูง ทั้งยังมีประวัติในการจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนที่ดี

การลงทุนหุ้นแบบ VI เป็นการลงทุนสไตล์ Warren Buffet ที่อาศัยการวิเคราะห์ตลาดที่ครอบคลุมและมีการวางแผนการลงทุนระยะยาว ทั้งยังมีการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น เพื่อเข้าซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง และขายออกเมื่อหุ้นมีราคาสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง

2. ลงทุนเน้นการเติบโต (Growth Investment)

ผู้เล่นหุ้นมือใหม่ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนจำนวนมากในระยะสั้นยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นแบบเน้นการเติบโต หรือ Growth Investment ได้เช่นกัน

การลงทุนสไตล์นี้จะเน้นเลือกหุ้นจากกิจการหรือธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโตสูงในอนาคต ซึ่งอาจเป็นกิจการขนาดเล็ก สตาร์ทอัพ หรือธุรกิจเปิดใหม่ที่น่าจับตามอง ซึ่งการลงทุนหุ้นสไตล์นี้ นักลงทุนจะต้องพิจารณาเลือกหุ้นที่มีอัตราส่วนทางการเงินของสินทรัพย์ (Return of Equity) มากกว่า 15% ตลอดจนกำไรสุทธิของสินทรัพย์ (Earning Per Share) เพื่อดูกำไรที่แท้จริงของกิจการที่ต้องการร่วมลงทุน

3. ลงทุนเชิงรุก (Active Investment)

การลงทุนเชิงรุกเป็นการลงทุนหุ้นที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการสร้างความได้เปรียบบนความผันผวน มีความยืดหยุ่นสูง และนิยมเลือกลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อสร้างผลตอบแทนจำนวนมากในระยะเวลาสั้น

สำหรับใครที่ต้องการเล่นหุ้นสไตล์นี้ ขอแนะนำให้ทำการศึกษาและวางแผนการลงทุนให้รอบคอบ ตั้งแต่เวลาซื้อขาย จังหวะตลาด ไปจนถึงปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อราคา เพื่อตัดสินใจซื้อและขายในทันที

4. ลงทุนเชิงรับ (Passive Investment)

การลงทุนเชิงรับเป็นการลงทุนหุ้นเพื่อหวังผลในระยะยาว หรือ เพื่อเป้าหมายที่ต้องการในระยะยาว เช่น การเกษียณอายุ ไปจนถึงการสร้างรายรับหลังเกษียณ โดยการลงทุนสไตล์นี้มีความยืดหยุ่นในเรื่องของเงินทุน ทั้งยังมีความเสี่ยงของหุ้นให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย

นักลงทุนหุ้นเชิงรับควรพิจารณาจังหวะในการซื้อและขายให้ดี ทั้งยังควรศึกษาตลาดและพื้นฐานของกิจการที่ต้องการร่วมลงทุนให้ได้ ที่สำคัญ ไม่ควรปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนบ่อย เนื่องจากอาจทำให้ไม่ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ต้องการ

อยากเล่นหุ้นต้องทำยังไง เริ่มจาก 5 เช็กลิสต์นี้เลย!

หุ้นถือเป็นอีกหนึ่งประเภทการลงทุนที่มีความหลากหลายสูง ทั้งยังมีระดับความเสี่ยงให้เลือกลงทุนมากมาย ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ผู้ที่มีทุนน้อย ฟรีแลนซ์ ไปจนถึงนักธุรกิจก็สามารถเริ่มต้นลงทุนในหุ้นได้

แต่เพื่อให้ทุกคนได้ก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จมากที่สุด และสามารถสร้างผลตอบแทนที่นำไปต่อยอดตามความต้องการด้านอื่น ๆ ได้จริง เมื่อเข้าใจพื้นฐานที่คนเล่นหุ้นมือใหม่ควรรู้กันเรียบร้อยแล้ว ขอแนะนำให้มาเก็บ 5 เช็กลิสต์นี้ให้ครบก่อนลงสนามลงทุนหุ้นจริงกัน

1. กำหนดเป้าหมายการลงทุนก่อน (Value Investment)

การกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน ไม่เพียงแต่จะช่วยเลือกหุ้นที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังช่วยเลือกระดับความเสี่ยง ระยะเวลาในการลงทุน ไปจนถึงเงินลงทุนที่ต้องลงทุนในแต่ละช่วงเวลา พร้อมช่วยวางแผนการลงทุนให้มีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อการเกษียณ หรือ เป้าหมายระยะสั้น ขอแนะนำให้กำหนดตัวเลขและผลประกอบการที่ต้องการให้ชัดเจน จากนั้นจึงพิจารณาเลือกหุ้นที่ตอบโจทย์เพื่อพาไปสู่เป้าหมายได้

2. พิจารณาความเสี่ยงที่รับไหว

หลังจากที่กำหนดเป้าหมายได้แล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาพิจารณาความเสี่ยงที่รับไหว ซึ่งอาจพิจารณาได้จากหลายปัจจัย

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อการเกษียณ หรือ เป้าหมายระยะสั้น ขอแนะนำให้กำหนดตัวเลขและผลประกอบการที่ต้องการให้ชัดเจน จากนั้นจึงพิจารณาเลือกหุ้นที่ตอบโจทย์เพื่อพาไปสู่เป้าหมายได้

3. วางแผนการลงทุนให้ครบทุกระยะ

การวางแผนการลงทุนให้ครบทั้งระยะสั้น กลาง และยาว ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นการบริหารพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพในระยะเวลาต่าง ๆ ได้เช่นกัน

เช่น นักลงทุนอาจเลือก เปิดพอร์ตหุ้นออนไลน์ เพื่อลงทุนหุ้นในดัชนีต่างประเทศ เช่น หุ้นใน S&P500 หรือ กองทุน ETF ร่วมกับหุ้นไทย เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากตลาดต่างประเทศ

โดยในขณะที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะขาลง หรือ มีความผันผวนมาก การลงทุนในหุ้นต่างประเทศไปด้วยก็จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนได้ ด้วยเหตุนี้ การจัดพอร์ตครั้งแรกที่มีการเลือกลงทุนในหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศร่วมกันจึงสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการลงทุนระยะสั้น กลาง และยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกจังหวะของตลาดการลงทุน

4. อย่าลืมปรับพอร์ตการลงทุน

ไม่มีหุ้นตัวไหนที่สร้างผลตอบแทนได้ดีตลอดเวลา ดังนั้น เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่มีประสิทธิภาพในทุกช่วงเวลา นักลงทุนยังควรปรับพอร์ตการลงทุนหุ้นตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย

เช่น นักลงทุนอาจกำหนดการทำ Asset Allocation ทุก 3 เดือนไปจนถึง 1 ปี เพื่อปรับสมดุลพอร์ต หรือ สร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น โดยอาจทำการพิจารณาเลือกหุ้นที่สร้างผลตอบแทนในระดับที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ หรือ วิเคราะห์หุ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น

5. วางแผนการเงินด้วย (Value Investment)

นอกจากจะเริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลยไม่ได้แล้ว นักลงทุนยังไม่ควรเริ่มลงทุนหุ้นหากยังไม่มีแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ

แม้การลงทุนหุ้นจะเริ่มได้ด้วยเงินหลักร้อย แต่อย่าลืมว่า การลงทุนหุ้นมาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะขาดทุน หากนักลงทุนไม่วางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพรองรับ สภาพคล่องทางการเงินด้านอื่นก็อาจได้รับผลกระทบ หรือ อาจต้องนำเงินสำรองฉุกเฉินออกมาใช้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับสุขภาพทางการเงินในระยะสั้นและยาวได้

เมื่อเข้าใจรายละเอียดของหุ้นอย่างรอบด้าน พร้อมเก็บเช็กลิสต์ที่ต้องทำก่อนเริ่มลงทุนหุ้นได้ครบถ้วนแล้ว ผู้หัดเล่นหุ้นมือใหม่ยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นตัวแรกจากทั้งตลาดไทยและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน และบริหารความเสี่ยงได้ เพียงเปิดพอร์ต หรือ เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับ InnovestX เพื่อเริ่มลงทุนไปกับหุ้นศักยภาพสูงทั้งจากไทยและต่างประเทศได้ทันที

เริ่มต้นการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ใน 5 ขั้นตอน

  1. 1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน InnovestX
  2. 2. เปิดบัญชีพร้อมยืนยันตัวตน และประเมินความเสี่ยงในการลงทุน
  3. 3. เติมเงินเข้าบัญชี
  4. 4. แลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ต้องการเทรด
  5. 5. เริ่มต้นเทรดได้ทันที 
  6.  

คำเตือน
* การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

หัวข้ออื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ
กลับด้านบน