
เนื้อหาโดยรวม
การวางแผนการลงทุนมีกี่ขั้นตอน? มาศึกษาตั้งแต่สเต็ปแรกแล้วค่อย ๆ ไต่ระดับไปด้วยกัน พร้อมแนะนำตัวช่วยเสริมการลงทุนให้เป็นเรื่องง่าย อ่านได้ที่นี่เลย!
ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความผันผวนตลอดเวลา ทำให้ค่าเงินทั่วโลกมีการปรับตัวและผันผวนตามปัจจัยต่าง ๆ ทำให้การออมเงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่วิธีเก็บเงินที่สามารถสร้างความมั่งคงได้อีกต่อไป เนื่องจากค่าเงินบาทเกิดความผันผวนในทุกปี ทำให้เงินที่เก็บออมมีมูลค่าลดน้อยลงไปทุกวัน ดังนั้นการเลือกลงทุนจึงเป็นทางออกในการเพิ่มทรัพย์สินอย่างมีคุณภาพ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงการลงทุน หลายคนอาจกังวลใจ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงและอาจต้องเสียเงินไปเปล่า ๆ แต่แท้จริงแล้วหากศึกษาถี่ถ้วนและวางแผนอย่างรอบด้าน เหล่านักลงทุนก็สามารถเพิ่มความมั่งคั่งจากการลงทุนได้
แต่หากใครที่สงสัยว่า การวางแผนการลงทุนมีกี่ขั้นตอน? และหากต้องการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ควรมีวิธีวางแผนการลงทุนอย่างไรบ้าง ติดตามได้เลยในบทความนี้
เปิด 4 สเต็ป วิธีวางแผนการลงทุน
1. กำหนดเป้าหมายในการลงทุน
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงในการเริ่มวางแผนการลงทุนคือการกำหนดวัตถุประสงค์หลัก เพื่อตัดสินใจเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณมากที่สุด โดยควรกำหนดให้ชัดเจนว่าเป้าหมายที่ว่าคืออะไร มีมูลค่าการลงทุนเท่าไร และต้องใช้ระยะเวลากี่ปีในการสะสมเงินให้ได้ตามเป้าหมาย เช่น การลงทุนโดยมีเป้าหมายที่จะใช้เงินอย่างต่ำเดือนละ 15,000 เป็นค่าใช้จ่ายไปอีก 20 ปี หลังเกษียน หรือต้องการลงทุนเพื่อสะสมเงินให้ได้ 1,000,000 ในเวลา 5 ปี เพื่อซื้อสินทรัพย์ในอนาคต ซึ่งการมีตัวเลขและระยะเวลาที่ชัดเจนมาคำนวณความเป็นไปได้ในเบื้องต้น ก็จะสามารถกำหนดเส้นทาง ทำให้ตัดสินใจเลือกตัวเลือกในการลงทุนได้ง่ายขึ้น
2. ประเมินความเสี่ยงและกระจายการลงทุน
แน่นอนว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงย่อมมีความเสี่ยงตามมา ทุกครั้งก่อนลงทุนจึงต้องมีการเตรียมตัวสำหรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ด้วยการพิจารณาความผันผวนของผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุณยอมรับได้ และตัดสินใจจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเอง โดยอัตราการยอมรับความเสี่ยงส่วนมากมักดูจากขอบเขตการลงทุน ยิ่งมีอายุการลงทุนนานเท่าใด ก็อาจเป็นปัจจัยที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูงขึ้นเท่านั้น เนื่องจากมีระยะเวลาในการหมุนเวียนที่มากกว่า ซึ่งการกระจายความเสี่ยงให้มีความสมดุล ด้วยการทำ Asset Allocation หรือการจัดสรรสินทรัพย์จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการลงทุนในระยะยาวได้ เพราะบางครั้งนักลงทุนหลายท่านอาจเลือกลงทุนจากความชอบ หรือลงทุนแค่ในสินทรัพย์ประเภทที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ การทำ Asset Allocation จึงสามารถช่วยเติมเต็มจุดบอดของการเลือกลงทุนเฉพาะด้านนี้ได้อย่างตรงจุด เนื่องจากเป็นการกระจายการลงทุนไปในหลาย ๆ สินทรัพย์ ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงไปในตัว ทั้งยังช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนของคุณ เพราะสินทรัพย์ในแต่ละประเภทสามารถสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานการณ์และช่วงเวลา
ดังนั้นเพื่อรักษาสมดุลในพอร์ตไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือสร้างผลกระทบต่อกันเมื่อเลือกลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีลักษณะคล้ายกัน จึงควรเลือกจัดสรรสินทรัพย์ในการลงทุนอย่างเหมาะสม
3. วางแผนจัดพอร์ตลงทุน
เริ่มวางแผนการลงทุนให้เป็นรูปธรรมได้ โดยการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลากประเภทและทำการสร้างพอร์ต ซึ่งขั้นตอนนี้อาจเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยเวลาสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพราะควรศึกษาหาข้อมูลและขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากเป้าหมาย ในการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมถึงการทำ Asset Allocation เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วย เนื่องจากความเสี่ยงและเครื่องมือการลงทุนที่แตกต่างกันย่อมส่งผลต่อผลตอบแทนที่ต่างกันไป
อีกทั้งการวางแผนกระจายพอร์ตการลงทุนไปในหลาย ๆ สินทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือเงินสด โดยกำหนดสัดส่วนไว้ในแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะสม ก็จะให้ผลลัพธ์การลงทุนที่แตกต่างกันไป เช่น การลงทุนด้วยเงินสด ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากที่สุด เพราะสามารถนำออกมาใช้ได้ทันที แต่ก็อาจเกิดความผันผวนในเรื่องของเงินเฟ้อที่ทำให้มูลค่าของเงินสดค่อย ๆ ลดลงไปได้ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจเลือกลงทุนกับตราสารหนี้ให้มีสัดส่วนที่มากขึ้น แต่ใครที่รับความเสี่ยงได้สูงก็อาจเลือกลงทุนกับหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า นอกจากนี้ การวางแผนกระจายการลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพอร์ตของคุณได้เช่นกัน ที่สำคัญยังจะช่วยป้องกันความเสี่ยงเมื่อค่าเงินในประเทศใดประเทศหนึ่งลดลง หรือมีปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น ๆ เกิดขึ้น

4. ตรวจสอบการลงทุนเพื่อปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ
เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนได้ตลอดเวลา เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ หรือปัจจัยพื้นฐานของอุตสาหกรรมในแต่ละประเทศ รวมถึงนโยบายจากธนาคารกลางทั่วโลกที่มักมีการปรับเปลี่ยนเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น กองทุน ตราสารหนี้ รวมถึงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ดังนั้นการนำพอร์ตปัจจุบันมาเทียบกับเป้าหมายการลงทุนอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปรับเปลี่ยนพอร์ต หรือปรับแผนการลงทนให้สามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
ให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย ด้วยตัวช่วยวางแผน!
แม้จะศึกษามาแล้วว่าการวางแผนการลงทุนมีกี่ขั้นตอน แต่การจะลงทุนด้วยตัวเองอาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ขอแนะนำการลงทุนออนไลน์ผ่าน InnovestX แอปด้านการลงทุนของเมืองไทยที่รวมทุกสินทรัพย์ในแอปเดียว ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมตัวช่วยที่จะทำให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น
● Wealth Idea ฟีเจอร์ที่รวมทุกไอเดียการลงทุนในทุกสินทรัพย์และในทุกสถานการณ์ของตลาด จากทีมนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
● Intelligent Portfolios บริการบริหารพอร์ตอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะทำงานผสานกับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยการติดตามสภาวะตลาดและปรับเปลี่ยนการลงทุนตามความเหมาะสม พร้อมแผนการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลาย ช่วยให้สามารถพิชิตเป้าหมายการลงทุนได้ตามที่ตั้งไว้
เริ่มวางแผนการลงทุนให้สินทรัพย์งอกเงย เพียงเปิดบัญชีลงทุนออนไลน์กับ InnovestX ที่มาพร้อมกับโปรแกรมจัดพอร์ตการลงทุนที่จะเป็นเสมือนตัวช่วยด้านการลงทุนอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การหาไอเดียในการลงทุนสำหรับมือใหม่ ไปจนถึงเทคโนโลยีบริหารพอร์ต เรียกได้ว่าแอปเดียวมีครบทุกจักรวาลการลงทุน ช่วยให้พอร์ตของคุณเติบโตและไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ง่ายขึ้น!
* การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน