passive income

ลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ให้ได้เงินล้าน? | InnovestX

18 Aug 22 12:00 AM
Wealth3
สรุปสาระสำคัญ

เงินเดือนเข้าแล้ว! ถึงเวลาจัดการเงินเดือนให้ได้เงินล้าน! ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ แล้วจะเริ่มตอนไหน?

ข้อมูลจากอัตราส่วนทางการเงินของการออมและการลงทุน หรือ Saving Ratio แนะนำว่า เราควรเก็บเงินหรือลงทุนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10% ของรายรับทั้งหมด สมมติถ้าเงินเดือนคุณอยู่ที่ 20,000 บาท สัดส่วนเงินที่ควรลงทุนต่อเดือนควรอยู่ที่อย่างน้อย 2,000 บาท ซึ่งหากเราเก็บเงินอย่างต่อเนื่อง ตามหลักการลงทุนแบบ DCA ก็อาจช่วยให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา มีเงินเก็บได้ถึงหลักล้านเลยทีเดียว!

แต่ถ้าใครกลัวลืมลงทุนอย่างต่อเนื่อง แอป InnovestX มีตัวช่วยดี ๆ เพื่อเสริมสร้างวินัยในการลงทุน ด้วยบริการตั้งค่าการลงทุนรายเดือนอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้การเก็บเงินกลายเป็นเรื่องง่าย และอาจต่อยอดเงินสัดส่วนนี้ให้งอกเงยถึงเป้าหมายทางการเงินที่คุณตั้งเป้าไว้!

ไขข้อสงสัย มนุษย์เงินเดือนควรลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้

 

ลงทุนแบบ dca

 

รู้จักการลงทุนแบบ DCA: เคล็ดลับที่จะช่วยให้มนุษย์เงินเดือนมีเงินเก็บหลักล้าน

 

นักลงทุนมักพูดกันว่า วิธีที่จะช่วยให้เราได้ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน ก็คือการ จับจังหวะลงทุน ให้เหมาะสม ด้วยการเข้าไปซื้อในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา และปล่อยขายเมื่อได้ราคาที่น่าพอใจ ซึ่งวิธีนี้จะต้องอาศัยทั้งเวลาในการเฝ้าติดตามตลาด และยังต้องมีประสบการณ์ที่เพียงพอ เพื่อให้สามารถคาดการณ์ช่วงเวลาที่เหมาะในการซื้อ-ขายได้ แล้วมนุษย์เงินเดือนอย่างเราที่ไม่มีเวลา และไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนมาก่อน แต่ฝันอยากมีเงินเก็บให้ได้ถึงหลักล้าน จะต้องทำอย่างไร? สำหรับคำถามนี้ 'การลงทุนแบบ DCA' คือคำตอบ 

 

การลงทุนแบบ DCA คืออะไร?

 

การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) คือ การทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเงินจำนวนเท่ากัน โดยไม่สนใจว่าราคาของสินทรัพย์หรือผลกำไรที่ได้จะออกมาเป็นอย่างไร ถือเป็นการเพิ่มปริมาณของสินทรัพย์ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ ที่ไม่มีเวลาเฝ้าติดตามสถานการณ์ในตลาด หรือยังไม่มีประสบการณ์ในการจับจังหวะลงทุนมาก่อน ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ โดยไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยง

 

ซึ่งมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ก็สามารถนำการลงทุนแบบ DCA มาปรับใช้ในการเก็บเงินเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้ โดยแบ่งเงินที่ควรลงทุนต่อเดือนให้ชัดเจน และนำเงินนั้นไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเริ่มต้นจากเงินเพียงหลักพัน แต่หากเราทำอย่างต่อเนื่อง ก็อาจช่วยให้เราเก็บเงินได้ถึงหลักล้าน! 

 

ข้อดีของการลงทุนแบบ DCA

  • ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเวลา แต่สนใจการลงทุน
  • ช่วยสร้างวินัยในการเก็บออม
  • ช่วยลดความกังวลในการลงทุน เพราะไม่ต้องนั่งเฝ้าพอร์ต ไม่ต้องรอจับจังหวะซื้อขาย
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน
  • ได้เห็นการเติบโตของเงินที่เราลงทุนไป
  • ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการเก็บออม

ตัวอย่างการเก็บเงินด้วยการลงทุนแบบ DCA

 

สำหรับใครที่ยังนึกไม่ออกว่า จะเอาเงินไปลงทุนอะไรดี เรามีตัวอย่างมาฝากกัน

  • ลงทุนในหุ้น
    การลงทุนในหุ้น เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานหรือมีความเข้าใจเรื่องการลงทุนอยู่บ้าง โดยหุ้นที่เหมาะสมกับการลงทุนแบบ DCA จะต้องเป็นหุ้นที่มาจากบริษัทที่มีความมั่นคง มีความน่าเชื่อถือ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง

  • ลงทุนในกองทุนรวม
    การลงทุนในกองทุนรวม ถือเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนแบบ DCA เป็นอย่างยิ่ง เพราะเราสามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มาก และไม่ต้องคอยติดตามสถานการณ์ในตลาด แถมยังมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ คอยบริหารจัดการการลงทุนให้เราอีกด้วย

วิธีแบ่งเงินเป็นเปอร์เซ็นต์สำหรับออมและใช้จ่าย ฉบับมนุษย์เงินเดือน

 

เชื่อว่าวิธีเก็บเงินด้วยพลังแห่งการลงทุนแบบ DCA น่าจะช่วยให้มนุษย์เงินเดือนที่เป็นมือใหม่ในการออมและการลงทุน เริ่มมองเห็นภาพได้มากขึ้น ว่าเราจะไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้ได้อย่างไร ซึ่งนอกจากเคล็ดลับการเก็บเงินดี ๆ แบบนี้ หากใครที่ยังคงสงสัยว่า สรุปแล้วเราควรลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้? เราก็มีวิธีแบ่งเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ฉบับเข้าใจง่ายมาฝากกัน เพื่อให้มนุษย์เงินเดือนมองเห็นจำนวนเงินที่ควรลงทุนต่อเดือนแบบชัด ๆ และนำไปวางแผนการลงทุนได้ตามที่ต้องการ มาดูกันเลยว่า หลังได้เงินเดือนแล้ว ควรบริหารจัดการอย่างไร และควรเก็บเงินกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน

 

วิธีแบ่งเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ ฉบับมนุษย์เงินเดือน:

 

แบ่งเงินตามหลัก 50/30/20

  • 50% สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
  • 30% สำหรับมอบความสุขให้ตัวเอง เป็นรางวัลจากการทำงาน
  • 20% สำหรับเก็บออมหรือลงทุน 

ตัวอย่าง: ในแต่ละเดือน เรามีเงินเดือน 20,000 บาท

  • แบ่งไว้ใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง 10,000 บาท
  • แบ่งไว้ช็อปปิ้ง กินอาหารนอกบ้าน 6,000 บาท
  • แบ่งไว้เก็บออมหรือลงทุน 2,000 บาท

ซึ่งแต่ละส่วนเราสามารถปรับตามความเหมาะสมในแต่ละเดือนได้ เช่น หากเรามีเงินเหลือจากการช็อปปิ้ง ก็สามารถแบ่งมาเก็บออมหรือลงทุนเพิ่มเติมได้ หรือหากเดือนไหนที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามา ก็อาจลดจำนวนเงินส่วนอื่น ๆ เพื่อให้พอดีกับการใช้ได้เช่นกัน แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ เราจะต้องพยายามเก็บเงินหรือแบ่งเงินไปลงทุนให้ได้ทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผลตอบแทนที่ได้จากการเก็บอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้เราใช้ชีวิตในฝันได้อย่างที่ต้องการ และอาจช่วยให้เราเกษียณจากงานได้เร็วขึ้น! 

เห็นไหมว่า มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ก็มีโอกาสที่จะจับเงินหลักล้านได้ ด้วยวิธีแบ่งเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ และนำไปลงทุนแบบง่าย ๆ ตามหลัก DCA เริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ดาวน์โหลด InnovestX แล้วเปิดพอร์ตออนไลน์เพื่อลงทุนเลย
Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5