Keyword
ลงทุนก้าวแรก

3 ETF แนะนำโดย Morningstar เสริมแกร่งพอร์ตลงทุน ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก

22 Sep 25 11:02 AM
Cafe Sep-08

ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบายภาษีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และความผันผวนของตลาดการเงิน นักลงทุนจึงต้องหาวิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับพอร์ตลงทุนของตนอย่างรอบคอบ

 

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การกระจายการลงทุน (Diversification) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งมากเกินไป

บทความนี้ขอแนะนำ 3 ETF ที่ได้รับการคัดเลือกโดย Bryan Armour นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Morningstar ซึ่งสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างความแข็งแกร่งให้พอร์ตลงทุนของคุณในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้

 

3 ETF แนะนำจาก Morningstar

  1. Avantis International Equity ETF (AVDE)

จุดเด่น:

  • ลงทุนในหุ้น Developed Markets ทั่วโลกยกเว้นสหรัฐฯ ครอบคลุมหุ้นทุกขนาด (Large / Mid / Small Cap) กว่า 3,000 บริษัททั่วโลกยกเว้นสหรัฐฯ โดยให้น้ำหนักไปที่หุ้นที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน (Value) และมีกำไรดี (Profitability)

ประโยชน์:

  • เติมสมดุลให้พอร์ตที่หนักหุ้นสหรัฐฯ ด้วยการเพิ่มหุ้น Developed Markets
  • ลดความเสี่ยงจากความผันผวนในภูมิภาคเดียว เช่น ถ้าสหรัฐฯ มีปัญหา หุ้น Developed Markets อื่นอาจช่วยชดเชยได้

ผลงาน:

  • ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 12% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ในอันดับ Top 10% ของกองทุนหุ้นต่างประเทศ

ค่าธรรมเนียม:

  • 0.23% ต่อปี (Expense Ratio) ซึ่งถือว่า “ต่ำ” สำหรับกองทุนต่างประเทศที่มีการจัดการเชิง active ช่วยลดแรงกดดันจาก Management Feeที่สูงในระยะยาว

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง:


Picture1.png

Source: Morningstar

 

  1. Vanguard Short-Term Inflation-Protected Securities ETF (VTIP)

จุดเด่น:

  • ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐแบบป้องกันเงินเฟ้อ (TIPS) ระยะสั้นที่มีอายุเหลือต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งมูลค่าหลักทรัพย์จะปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ
  • เน้นลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย เพราะพันธบัตรระยะสั้นได้รับผลกระทบน้อยกว่าพันธบัตรระยะยาวเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น

เหตุผลที่เลือก:

  • เงินเฟ้อเป็นความเสี่ยงที่กระทบทั้งหุ้นและพันธบัตรพร้อมกัน การใช้ TIPS ระยะสั้น ช่วยลดความเสี่ยงจากการขึ้นดอกเบี้ย (ซึ่งมักเกิดเมื่อต้องควบคุมเงินเฟ้อ) ได้ดีกว่าพันธบัตรระยะยาว

ค่าธรรมเนียม:

  • Net expense ratio (อัตราค่าใช้จ่ายสุทธิ) = 03% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำมาก

ผลงาน:

  • อยู่ในกลุ่ม Top Quartile ของหมวดพันธบัตรป้องกันเงินเฟ้อระยะสั้นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

บทบาทในพอร์ต:

  • เป็นตัวช่วย “เดินสวนทาง” กับหุ้นในยามตลาดผันผวน และป้องกันมูลค่าพอร์ตจากเงินเฟ้อ

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง:

 

Picture2.png

Source: Morningstar

 

  1. Schwab Fundamental U.S. Large Company ETF (FNDX)

จุดเด่น:

  • คัดเลือกหุ้นขนาดใหญ่สหรัฐโดยใช้น้ำหนักจากปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Metrics) เช่น รายได้ กระแสเงินสด และผลตอบแทนผู้ถือหุ้น แทนการให้น้ำหนักตามมูลค่าตลาด (Market Cap)

ข้อดี:

  • ลดความเสี่ยงจากหุ้นที่ถูกเก็งกำไรเกินมูลค่า เพราะบริษัทที่พื้นฐานไม่ดีจะถูกให้น้ำหนักน้อยหรือไม่อยู่ในพอร์ต
  • ช่วยกระจายความเสี่ยง ไม่เน้นหุ้นที่ได้รับความนิยมเกินจริง และเน้นหุ้นที่มีมูลค่าทางพื้นฐานแข็งแกร่ง

การกระจายตัว:

  •  ถือหุ้นกว่า 700 บริษัท ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากหุ้นตัวเดียวหรือตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป

ผลงาน:

  • ติด Top 5% ของกองทุนหุ้นมูลค่า (Large Value) ในรอบ 10 ปี

ค่าธรรมเนียม:

  • Expense Ratio (อัตราค่าใช้จ่าย)  0.25% ต่อปี

ผลการดำเนินงานย้อนหลัง

 

Picture3.png  Source: Morningstar

 

 

สรุปแนวคิดการจัดพอร์ตด้วย 3 ETF นี้

  • AVDE: เติมหุ้น Developed Markets คุณภาพดี ทั่วโลกยกเว้นสหรัฐฯ เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านภูมิภาคออกจากหุ้นสหรัฐ
  • VTIP: เสริมเกราะป้องกันเงินเฟ้อ และลดความผันผวนในยามวิกฤต
  • FNDX: รักษาการลงทุนในหุ้นสหรัฐ แต่เลือกด้วยหลักพื้นฐาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในหุ้นไม่กี่ตัว

 

การมีทั้ง 3 ETF นี้ในพอร์ตจะช่วยให้คุณมี ความสมดุลระหว่างการเติบโต ความมั่นคง และการป้องกันความเสี่ยง พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกได้ดียิ่งขึ้น

 

ta.png



 

ทดลองจัดพอร์ตสำหรับนักลงทุนเสี่ยงปานกลาง (หุ้น 70% / ตราสารหนี้ 30%)

ทางเราได้ทดลองจัดพอร์ต ด้วย 3 ETF จาก Morning Star ด้วยสัดส่วนรวม: หุ้น 70% + ตราสารหนี้ 30% โดยออกแบบเพื่อสร้างสมดุลระหว่าง “การเติบโตระยะยาว” และ “ความมั่นคง” เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับปานกลาง

โดยมีสัดส่วนการลงทุนดังนี้

  • Avantis International Equity ETF (AVDE) – 30%
    เพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้น Developed Markets ช่วยเสริมการเติบโตจากหลายภูมิภาค ไม่ผูกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียว
  • Vanguard Short-Term Inflation-Protected Securities ETF (VTIP) – 30%
    เพื่อเสริมเกราะป้องกันด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบบป้องกันเงินเฟ้อ (TIPS) ระยะสั้น ทำหน้าที่เป็นกันชนของพอร์ต ลดความผันผวน และรักษามูลค่าที่แท้จริงในช่วงเงินเฟ้อสูง
  • Schwab Fundamental U.S. Large Company ETF (FNDX) – 40%
    เพื่อลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ที่คัดเลือกจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น รายได้และกระแสเงินสด เพื่อให้พอร์ตมีแกนกลางที่มั่นคง และลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในหุ้นดังไม่กี่ตัว

 

Back Test ผลตอบแทน 5 ปีย้อนหลัง:

 

Picture5.png

Picture6.png

Source: Bloomberg ณ วันที่ 1 กันยายน 2025 โดยกำหนดให้น้ำหนักคงที่


Disclaimer: การทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back testing) ดังกล่าวดำเนินการโดยใช้สินทรัพย์ตัวแทน ซึ่งอาจมิได้สะท้อนถึงสินทรัพย์ที่ใช้ลงทุนจริง ผลลัพธ์ที่ปรากฏอ้างอิงจากข้อมูลในอดีตและสมมติฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสอดคล้องกับผลการดำเนินงานในอนาคตหรือสภาวะตลาดจริง การทดสอบย้อนหลังนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการอธิบายประกอบเท่านั้น

 

หมายเหตุ: การจัดพอร์ตนี้เป็นเพียง ตัวอย่างเชิงสมมติ โดยอ้างอิงข้อมูลจากกองทุน 3 กองทุนที่ปรากฏบน Morningstar และจัดสัดส่วนตามดุลยพินิจของผู้เขียน เพื่อใช้ในการนำเสนอแนวคิดการกระจายความเสี่ยงเท่านั้น มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำการลงทุนเฉพาะบุคคล  ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (Backtest) และค่าทางสถิติต่าง ๆ ที่ปรากฏ เป็นผลจากการคำนวณตามสมมติฐานของผู้เขียน ไม่ใช่ผลลัพธ์จริง และไม่สามารถยืนยันถึงผลการลงทุนในอนาคตได้

 

 

กราฟแสดงผลการดำเนินงานของพอร์ตจำลองด้วย ETF 3 กองจาก Morningstar
เปรียบเทียบกับดัชนีอ้างอิง 2 ตัวได้แก่

  1. MSCI ACWI 70% + Bloomberg U.S. Aggregate Bond 30%
  2. S&P 500 70% + Bloomberg U.S. Aggregate Bond 30%

 

จากกราฟแสดงให้เห็นว่า การจัดพอร์ตด้วย 3 กองทุนจาก Morningstar ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (Annualized Return) อยู่ที่ 11.52% ซึ่งสูงกว่าดัชนีชี้วัดทั้งสอง MSCI ACWI 70/ BB AGG 30 (9.10%) และ S&P500 70/ BB AGG 30 (10.80%)

 

อย่างไรก็ตาม ค่าความผันผวนเฉลี่ย (Annualized Volatility) ของพอร์ตอยู่ที่เพียง 11.42% ซึ่งต่ำกว่า MSCI ACWI 70/ BB AGG 30 (45.25%)และ S&P500 70/ BB AGG 30 (13.32%)  อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ค่า Risk-Adjusted Return ของพอร์ต Morningstar อยู่ในระดับที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัดทั้ง 2ตัว

 

นอกจากนี้ พอร์ตยังมีค่า Maximum Drawdown ต่ำสุดที่ –18.05% เมื่อเปรียบเทียบกับ MSCI ACWI 70/ BB AGG 30                    (–23.34%) และ S&P500 70/ BB AGG 30 (–22.28%) สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการจำกัดการขาดทุนในภาวะตลาดปรับตัวลงได้ดีกว่า

 

คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

 

Reference:
Cfa, B. A. (2025, May 21). 3 ETFs to diversify your portfolio. Morningstar, Inc. https://www.morningstar.com/funds/3-etfs-diversify-your-portfolio-2

 

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5