วันที่ 3 กันยายน 2568 ราคาทองคำ 96.5% ปรับขึ้นทะลุ 54,000 บาททำจุดสูงสุดใหม่ในรอบประวัติศาสตร์ โดยมีปัจจัย หนุนจาก ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าซื้อทองอย่างต่อเนื่อง, ทิศทางดอกเบี้ยขาลง เงินเฟ้อที่ยังสูง และ ความขัดแย้งระหว่างประเทศยังคงเป็นลมหนุนราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง
ทองคำเป็นสินทรัพย์เดียวที่รักษามูลค่าได้ต่อเนื่องมากว่า 5,000 ปี ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ขึ้นสนิม ทนทาน และมีปริมาณจำกัด จึงได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลกว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจเต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ การมีทองคำในพอร์ตลงทุนจึงเป็นเหมือน “เกราะป้องกัน” ที่ช่วยลดความเสี่ยงและรักษากำลังซื้อได้
ทองคำไม่ได้มีเพียงภาพลักษณ์ที่หรูหรา แต่ยังมีบทบาทสำคัญในเชิงกลยุทธ์การลงทุน ทั้งการปกป้องมูลค่าในระยะยาว การสร้างสมดุลให้พอร์ต และการเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
1 . ทองแท่ง / ทองรูปพรรณ – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองจริงและเก็บสะสมในระยะยาว สามารถใช้เป็นสินทรัพย์มรดกได้ แต่ต้องมีการเก็บรักษาอย่างปลอดภัย มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและต้องตรวจสอบคุณภาพให้ได้มาตรฐาน 96.5% หรือ 99.99%
2.กองทุนทองคำ (Gold Fund) – ลงทุนง่าย ผ่านบัญชีกองทุนที่สามารถซื้อ–ขายได้ตามวันทำการ เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการเก็บทองเอง ได้รับประโยชน์จากการบริหารโดยมืออาชีพ และในบางกองทุนยังป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ให้ด้วย
3.ETF ทองคำ – ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้น สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการ สภาพคล่องสูง และเข้าถึงราคาทองคำโลกได้ทันที เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการบริหารจังหวะการลงทุนอย่างยืดหยุ่น เน้นการเก็งกำไรระยะสั้นหรือปรับพอร์ตบ่อย
4.DR ทองคำ (Depositary Receipt) – ซื้อขายได้สะดวกผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เหมือนหุ้นทั่วไป เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึง ETF ทองคำในต่างประเทศ โดยไม่ต้องเปิดบัญชีหรือลงทุนต่างประเทศโดยตรง สามารถซื้อขายได้ด้วยเงินบาท ใช้บัญชีเดียวกันกับหุ้นไทย ทำให้จัดการพอร์ตการลงทุนได้ง่ายและคล่องตัว
1.กองทุนทองคำแบบป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedged): กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ฟันด์ - H (UOBSG - H)
ลงทุนตรงในกองทุนหลัก SPDR Gold Shares (GLD)
เวลาซื้อขาย: 8:30 -15:30
Settlement: T+3
Front-end Fee: -
Brokerage Fee (In-out): 0.10%
Management Fee: 0.43%
Total Expense Ratio: 0.61%
2.กองทุนทองคำแบบไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedged): กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล(UOBSG-N)
ลงทุนตรงในกองทุนหลัก SPDR Gold Shares (GLD)
เวลาซื้อขาย: 8:30 -15:30
Settlement: T+3
Front-end Fee: -
Brokerage Fee (In-out): 0.15%
Management Fee: 0.43%
Total Expense Ratio: 0.61%
3. SPDR Gold Shares (GLD) เป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง (Physical gold-backed ETF) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสะท้อนราคาทองคำในตลาดโลกแบบเรียลไทม์ ปัจจุบันถือครองทองคำมากกว่า 980 ตัน โดยจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange Arca (NYSE Arca) ภายใต้สัญลักษณ์ GLD โดยนักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ผ่านบัญชีนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage Account) ปกติ เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน (Estimated Expense) อยู่ที่ 0.40% ต่อปี
4.DR ทองคำที่สามารถลงทุนได้ผ่านแอป InnovestX ได้แก่:
• GOLD03 (ออกโดย PI Financial) ซื้อขายได้ในเวลากลางวัน อ้างอิงกับ SPDR GOLD (HK) ETF
• GOLD19 (ออกโดย Yuanta Securities) ซื้อขายได้ในเวลากลางวัน อ้างอิงกับ SPDR GOLD TRUST (GLD)
• GOLDUS19 (ออกโดย Yuanta Securities) ซื้อขายได้ในเวลากลางวันและกลางคืน อ้างอิงกับ SPDR GOLD (US) ETF
DR เหล่านี้อ้างอิงกับราคาทองคำแท่งโดยตรง ให้ผลตอบแทนที่เคลื่อนไหวตามราคาทองคำในตลาดโลก
ข้อสรุป
ทองคำเป็นมากกว่าสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง แต่ยังเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ช่วยปกป้องและสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตในระยะยาว ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพ การมีทองคำในพอร์ตคือหนึ่งในวิธีบริหารความเสี่ยงที่ควรพิจารณา
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์