
เหตุการณ์ระบบล่มของ Cloudflare (NET) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 กลายเป็นหนึ่งในเหตุขัดข้องด้านโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่ของปี หลังบริการออนไลน์ทั่วโลกจำนวนมากตั้งแต่ChatGPT, Perplexity, X (Twitter), Gemini ของ Google, Canva รวมถึงอีกหลายพันเว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลาราว 2–3 ชั่วโมง สาเหตุมาจาก ความผิดพลาดภายในระบบ (Internal System Error) ที่กระทบเครือข่ายหลักของ Cloudflare ทำให้ทราฟฟิกจำนวนมหาศาลถูกขัดจังหวะพร้อมกัน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างผลกระทบในระดับผู้ใช้ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังสะเทือนถึงความมั่นคงของระบบอินเทอร์เน็ตโลก และทำให้นักลงทุนกลับมาตั้งคำถามถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน
Cloudflare คืออะไร และมีบทบาทอย่างไรในระบบอินเทอร์เน็ตโลก
Cloudflare เป็นบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต โดยมีพันธกิจหลักคือ “ทำให้โลกอินเทอร์เน็ตเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเสถียรขึ้น” บริการของ Cloudflare ครอบคลุมตั้งแต่ Content Delivery Network (CDN) ที่ช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นทั่วโลก ระบบป้องกัน DDoS และภัยคุกคามไซเบอร์ บริการ DNS ไปจนถึงแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาอย่าง Cloudflare Workers ที่ช่วยให้สร้างแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง บริการเหล่านี้ทำงานอยู่เบื้องหลังของเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ผู้คนใช้งานทุกวัน
ความสำคัญของ Cloudflare อยู่ที่ระดับการใช้งานในตลาดจริง ปัจจุบันประมาณ 20% ของเว็บไซต์ระดับโลก พึ่งพาบริการของบริษัทในการทำให้เว็บเร็ว ปลอดภัย และรองรับปริมาณการใช้งานจำนวนมหาศาล เมื่อ Cloudflare มีปัญหา เว็บไซต์จำนวนมากจึงล่มตามทันที ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคยักษ์ใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็ก นี่คือเหตุผลว่าทำไมเหตุขัดข้องครั้งนี้จึงมีผลกระทบวงกว้างกว่าที่หลายคนคาด
เกิดอะไรขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025
Cloudflare ระบุว่าเหตุการณ์เกิดจากความผิดพลาดในระบบเครือข่ายภายในของบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบต่อเส้นทางการรับส่งข้อมูลของลูกค้าทั่วโลก เมื่อระบบประมวลผลหลักขัดข้อง การเชื่อมต่อจำนวนมหาศาลจากบริการออนไลน์ที่พึ่งพา Cloudflare จึงไม่สามารถส่งต่อได้ตามปกติ ส่งผลให้เว็บจำนวนมากหยุดชะงักพร้อมกันในช่วงเวลาอันสั้น ทีมวิศวกรของ Cloudflare ใช้เวลาประมาณ 2–3 ชั่วโมงในการแก้ไขและกู้คืนระบบจนกลับมาทำงานได้ตามปกติ
แม้เวลาหยุดชะงักจะดูไม่นาน แต่ผลกระทบถือว่ามีความรุนแรงอย่างยิ่ง เพราะแพลตฟอร์มยอดนิยมระดับโลกจำนวนมากมีผู้ใช้งานหลายร้อยล้านคนต่อวัน ซึ่งหมายถึงผลกระทบเชิงธุรกิจและการให้บริการในวงกว้าง

ทำไมเหตุการณ์นี้ถึงสำคัญต่อภาพใหญ่ของอินเทอร์เน็ต?
เหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำปัญหาโครงสร้างอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ที่ความจริงแล้วโลกออนไลน์ยังคงพึ่งพาผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ได้แก่ Cloudflare, AWS, Google Cloud, Akamai หากหนึ่งในบริษัทเหล่านี้เกิดข้อผิดพลาด ผลกระทบสามารถลุกลามไปสู่บริการออนไลน์จำนวนมหาศาลทั่วโลก
หากเกิดปัญหาเพียงจุดเดียว ธุรกิจจำนวนมากที่ต้องพึ่งพาชั้นโครงสร้างนี้ก็อาจหยุดชะงักในทันที
ผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ภายหลังเหตุการณ์ ราคาหุ้น Cloudflare (NET) ปรับตัวลดลงประมาณ –3% ในคืนเดียว สะท้อนความกังวลของตลาดเกี่ยวกับเสถียรภาพของบริการที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความพร้อมของระบบสำรอง ความสามารถในการป้องกันปัญหาซ้ำ และแนวทางการบริหารความเสี่ยงของบริษัทในระยะยาว แม้ Cloudflare จะสามารถกู้ระบบกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ยังคงเป็นสัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ และความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
สนใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศ และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว
คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน