ตอบคำถามหุ้นมีกี่ประเภท สำหรับมือใหม่เริ่มลงทุน

เนื้อหาโดยรวม

เริ่มลงทุนหุ้นบริษัทต่างประเทศระดับโลกได้อย่างมั่นใจ แม้เป็นมือใหม่ เพียงทำความรู้จักให้มากขึ้นว่าหุ้นคืออะไร มีกี่ประเภท และการเล่นหุ้นมีกี่แบบ เพื่อให้รู้ทันและสามารถเลือกลงทุนกับหุ้นประเภทที่สนใจได้อย่างชาญฉลาด

 

เจาะคำถามน่าสนใจ สำหรับมือใหม่ในการลงทุน

สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวขาเข้าสู่โลกของการลงทุน และกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าหุ้นคืออะไรและมีกี่ประเภท เพื่อศึกษาถึงรายละเอียดของหุ้นในแต่ละประเภทให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้สามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างชาญฉลาดและเห็นผลลัพธ์ที่ตรงใจได้ง่ายขึ้น

โดย ‘หุ้น’ คือ หน่วยลงทุนที่บริษัทจดทะเบียนออกให้แก่ผู้ถือหุ้นเพื่อระดมทุน โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิในการเป็นเจ้าของกิจการในสัดส่วนการถือหุ้นของตน รวมทั้งมีโอกาสได้รับเงินปันผล ตามผลกำไรและข้อตกลง ซึ่งสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปทำการซื้อขาย หรือทำการเทรดหุ้นได้ ซึ่งจะต้องมาศึกษากันต่อถึงรายละเอียดว่าการเล่นหุ้นมีกี่แบบ เพื่อให้สามารถศึกษาและเลือกลงทุน ได้ตามเป้าหมายที่วางแผนเอาไว้ โดยการลงทุน หรือเล่นหุ้นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท แต่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ดังนี้

 

1. การลงทุนระยะยาว (Investing) คือการซื้อและถือหุ้นไว้ในระยะยาว โดยคาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นในอนาคต และทำการซื้อขายหุ้นเพื่อให้ได้กำไรจากการถือหุ้นจนกว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นถึงเป้าหมายราคาที่ต้องการ โดยมักใช้ระยะเวลาในการลงทุนตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป

 

2. เก็งกำไรระยะสั้น (Trading) คือการซื้อและขายหุ้นเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น โดยการคาดการณ์ถึงการปรับตัวของหุ้นในระยะสั้น และทำการซื้อขายหุ้นเพื่อให้ได้กำไรจากส่วนต่างของราคา โดยมักใช้ระยะเวลาในการลงทุนตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึงหลายสัปดาห์ ทำให้หลายคนเริ่มสนใจการเทรดหุ้น เพราะเป็นการลงทุนที่ใช้ระยะเวลาสั้น

 

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ อาจจะสงสัยว่าการเทรดหุ้นมีกี่แบบ และเราสามารถลงทุนแบบไหนได้บ้าง โดยการเทรดหุ้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนของนักเทรด แต่โดยทั่วไปแล้ว การเทรดจะแบ่งตามปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Trading) ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจที่ต้องการลงทุน จากนั้นค่อยทำการประเมินมูลค่าหุ้นและคาดการณ์ทิศทางราคาหุ้นตามพื้นฐานของกิจการ และการเทรดตามเทคนิคอล (Technical Trading) ที่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยเน้นจากแนวโน้มราคาในตลาดหุ้น

 

ตอบคำถามหุ้นมีกี่ประเภท? รู้จัก 4 ประเภทหุ้น ก่อนเริ่มลงทุน

หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า การเล่นหุ้นมีกี่แบบ สิ่งต่อไปที่ต้องศึกษาคือการเจาะลึกไปยังรายละเอียดของหุ้นแต่ละประเภท เพื่อให้สามารถเลือกลงทุนและนำไปเทรดได้อย่างคุ้มค่า โดยเลือกจากประเภทหุ้นที่ต้องการได้ ดังนี้

 

1. หุ้นแกร่ง เก๋าตลาด

นักลงทุนที่อาจยังมีประสบการณ์ไม่มาก และยังไม่รู้ว่าหุ้นมีกี่ประเภทและต้องการลงทุนอย่างมั่นใจ ควรทำความรู้จักหุ้นประเภทนี้ไว้เป็นลำดับแรก เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตตามดัชนีตลาด ด้วยความที่มีมูลค่าสูงและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาเป็นระยะเวลานาน จึงเหมาะสมกับนักลงทุนในหุ้นมือใหม่อย่างมาก เพราะเป็นหุ้นที่มีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังสามารถการันตีได้ว่าเป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดมานาน เป็นหุ้นที่มีการปรับตัวตามวิกฤตในอดีตได้เป็นอย่างดี จึงมีโอกาสที่หุ้นประเภทนี้จะสามารถดำเนินการต่อได้ในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นอีก

 

ตัวอย่างหุ้นแกร่ง เก๋าตลาด

• หุ้น FB (Facebook, Inc.)
• หุ้น AMZN (Amazon.com, Inc.)
• หุ้น NFLX (Netflix, Inc.)

หุ้นเน้นมูลค่า

เป็นอีกหนึ่งประเภทของหุ้นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการวางแผนสร้างความมั่นคงในระยะยาว เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตจากผลการประกอบกิจการของบริษัท โดยจะมีอัตราส่วนทางการเงินที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทใกล้เคียง คือมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (P/B) และอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ต่ำ ทำให้หุ้นเน้นมูลค่าเป็นหุ้นที่เหมาะสำหรับพอร์ตของนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนในระยะยาวและไม่อยากเสี่ยงกับความผันผวน โดยเฉพาะหากมูลค่าบริษัทจากการประเมินผลการดำเนินงานสูงกว่าราคาในตลาดขณะนั้น ก็ถือเป็นสัญญาณที่แสดงความเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตได้ในอนาคต

 

ตัวอย่างหุ้นเน้นมูลค่า

• หุ้น PG (The Procter & Gamble Co.)
• หุ้น JNJ (Johnson & Johnson)
• หุ้น PM (Philip Morris International, Inc.)

หุ้นปันผล

การจ่ายเงินปันผล ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่เป็นกำไรของเงินที่จะได้รับระหว่างถือครองหุ้นอยู่เท่านั้น แต่ยังการันตีได้ถึงความมั่นคงของหุ้นตัวนั้น ๆ เนื่องจากบริษัทที่จ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนมักมีโครงสร้างทางการเงินที่ดี เพราะบริษัทจำเป็นต้องมีกระแสเงินสดส่วนหนึ่งไว้จ่ายปันผล ทำให้นอกจากผู้ลงทุนจะสามารถได้รับผลตอบแทนส่วนต่างของมูลค่าราคาหุ้นในตลาดแล้ว ยังจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลอีกด้วย การลงทุนในหุ้นปันผลจึงเหมาะสมต่อนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมากเพราะสามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับนักลงทุนได้ในระหว่างการลงทุน และริษัทที่มีกระแสเงินสดคงเหลือนั้นยังแสดงให้เห็นว่าเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำอีกด้วย

 

ตัวอย่างหุ้นปันผล

• หุ้น NLY (Annaly Capital Management, Inc.)
• หุ้น AGNC (AGNC Investment Corp.)
• หุ้น NRZ (New Residential Investment Corp.)

หุ้นของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี

ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิต หลายบริษัทจึงได้มีการนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับบริษัท ซึ่งบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีผลิตสินค้าหรือให้บริการมักเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพและมีโอกาสเติบโตขึ้นไปอีกในอนาคต หุ้นประเภทนี้จึงน่าสนใจในการเก็บเข้าพอร์ตเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาว

 

ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี

• หุ้น AAPL (Apple Inc.)
• หุ้น MSFT (Microsoft Corp.)
• หุ้น GOOG (Alphabet, Inc.)

ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะได้คำตอบว่า หุ้นคืออะไรและมีหุ้นมีกี่ประเภทที่เราสามารถนำไปต่อยอดลงทุน แต่นักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งทำความรู้จักและเพิ่งเริ่มมีประสบการณ์กับตลาดหุ้นได้ไม่นาน ก็ควรระมัดระวังความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นไว้อยู่เสมอ และควรกระจายความเสี่ยงของการลงทุนด้วยการเปิดพอร์ตหุ้นที่สามารถลงทุนและซื้อขายทางออนไลน์ได้ง่าย เพื่อให้มีโอกาสรับผลตอบแทนในทุกช่วงของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และจำไว้เสมอว่า ธุรกิจที่มั่นคงนั้นประกอบไปด้วย โครงสร้างทางการเงินที่ดี คู่แข่งทางการค้าไม่มาก และแนวโน้มการเติบโตของโมเดลธุรกิจในอนาคต

 

ลูกค้าที่สนใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ในตลาดสหรัฐอเมริกา หรือฮ่องกง สามารถเปิดบัญชีลงทุนบนแอปพลิเคชัน InnovestX แล้วเริ่มลงทุนได้เลย