ในโลกของการลงทุนที่เต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยง การเลือกเครื่องมือที่สามารถสร้างกำไรได้จากการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรวดเร็วและมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นจริง ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่าค้นหา การเทรด DW (Derivative Warrants) เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินสำหรับใช้ในการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มองหาความยืดหยุ่นในการลงทุน ด้วยการใช้เงินลงทุนน้อย แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะสั้นจากการผันผวนของราคาหุ้นหรือดัชนี เป็นโอกาสในการทำกำไรได้จำนวนมากและรวดเร็ว แต่ในอีกแง่หนึ่งก็มีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน
DW คืออะไร ? เหมาะกับใครบ้าง ?
DW ย่อมาจาก Derivative Warrants คือ เครื่องมือทางการเงินที่ให้สิทธิในการซื้อ (Call DW) หรือขาย (Put DW) หลักทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนด โดยมีการระบุระยะเวลาที่สิทธิ์นี้จะหมดอายุ DW ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อหุ้นจริง แต่มาพร้อมกับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเนื่องจาก DW เป็นเครื่องมือที่มีอัตราทด (Leverage) สูง ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นที่ราคาแพงได้ง่ายขึ้นและทำกำไรจากความผันผวนของตลาด
ใครที่เหมาะกับการเทรด DW ?
สำหรับนักลงทุนรายย่อยทั่วไปอาจคิดว่า การเทรด DW เหมาะสำหรับนักลงทุนมืออาชีพเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วการเทรด DW ต้องอาศัยการศึกษาตลาดไม่แตกต่างไปจากการลงทุนประเภทอื่น ๆ แถมหากจับจังหวะถูก ยังจะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล ซึ่งโดยทั่วไปจะเหมาะกับนักลงทุน ดังต่อไปนี้
- คนที่มีเงินลงทุนน้อย ที่ไม่สามารถเข้าถึงหุ้นที่มีราคาสูงได้ง่าย ๆ สามารถเลือกลงทุนใน DW ที่มีการใช้เงินลงทุนต่ำ ตัวอย่างเช่น หุ้น A ที่ราคาหุ้นละ 40 บาท อาจจะต้องใช้เงินขั้นต่ำในการลงทุน 4,000 บาท แต่การเล่นหุ้น DW อาจจะใช้เงินเพียง 100-200 บาทเท่านั้น
- นักลงทุนที่ต้องการทำกำไรในระยะสั้น เนื่องจาก DW มีอายุจำกัด การลงทุนใน DW มักเหมาะสำหรับการเก็งกำไรในระยะสั้น ตัวอย่างเช่น นักลงทุนบางคนได้สังเกตพฤติกรรมตลาดในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนจากสงคราม และสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
- ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงโดยเลือก Call DW หรือ Put DW ตามทิศทางของตลาด
- นักลงทุนที่เข้าใจความผันผวน เนื่องจากการเทรด DW มีความเสี่ยงสูงและอาจขาดทุนได้ทั้งหมดจากความผิดพลาดในการคาดการณ์ทิศทางตลาด หากว่านักลงทุนไม่สามารถรับความเสี่ยงได้มาก แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ตัวอื่นจะดีกว่า
ประเภทของ DW
DW สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ Call DW กับ Put DW ที่เหมาะกับการเก็งกำไรในทิศทางตลาดที่ต่างกัน ดังต่อไปนี้
- Call DW คือ การให้สิทธิในการซื้อหลักทรัพย์อ้างอิง โดยราคาของ Call DW จะเคลื่อนไหวตามราคาหุ้นหรือดัชนีที่เลือก เหมาะสำหรับตลาดขาขึ้น
- Put DW คือการให้สิทธิในการขายหลักทรัพย์อ้างอิง โดยราคาของ Put DW จะเคลื่อนไหวสวนทางกับราคาหุ้นหรือดัชนีที่เลือก เหมาะสำหรับตลาดขาลง
จุดเด่นของการลงทุนใน DW
การเทรด DW ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีจุดเด่นที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
- ลงทุนด้วยเงินลงทุนน้อย เนื่องจาก DW ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อหุ้นจริง นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ราคาสูงได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น หุ้น B ราคา 65 บาท หากซื้อ 100 หุ้น ต้องใช้เงิน 6,500 บาทเต็มจำนวน แต่ถ้าลงทุนใน DW ที่อ้างอิงกับหุ้น B ราคาหน่วย DW อาจอยู่ในช่วง 3-5 บาทต่อหน่วย (ราคานี้ขึ้นอยู่กับผู้ออก DW และลักษณะ DW แต่ละรุ่น) การซื้อ DW จำนวน 100 หน่วยจึงใช้เงินประมาณ 300-500 บาทเท่านั้น
- ทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง Call DW จะได้กำไรเมื่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงขึ้น ส่วน Put DW จะได้กำไรเมื่อราคาหลักทรัพย์อ้างอิงลดลง
- มีสภาพคล่องสูง DW สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นทั่วไป และมี Market Maker ดูแลสภาพคล่อง
- เข้าถึงตลาดได้ง่าย การซื้อ DW ไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่ และสามารถซื้อขายผ่านบัญชีหุ้นปกติได้
ลงทุน DW ในช่วงไหนดี ?
โดยทั่วไปแล้ว การลงทุนใน DW เหมาะกับช่วงตลาดมีสถานการณ์ดังต่อไปนี้
1. ราคาทิศทางดัชนีอ้างอิงได้อย่างชัดเจน
ทิศทางราคาดัชนีอ้างอิงมีความชัดเจน สามารถบอกได้ว่ามีแนวโน้มที่จะไปในทิศทางที่เป็นขาขั้นหรือขาลง โดยสามารถเลือกลงทุนได้ 2 รูปแบบคือ
- Call Options เหมาะสำหรับช่วงที่คาดว่าราคาหลักทรัพย์อ้างอิงจะเพิ่มขึ้น
- Put Options เหมาะสำหรับช่วงที่คาดว่าราคาหลักทรัพย์อ้างอิงจะลดลง
2. ช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
ทำให้ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่ต้องระมัดระวัง เพราะตลาดแบบนี้แม้ว่าจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูง แต่ก็อาจทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วย จึงควรตั้งจุด Cut Loss ให้ชัดเจนก่อนที่จะเริ่มลงทุน
วิธีการลงทุนใน DW
ตอนนี้ทุกคนคงรู้ว่า DW คืออะไรแล้ว ถึงเวลาที่ต้องรู้แล้วว่าต้องเล่นอย่างไรถึงจะมีโอกาสได้กำไรมากกว่าขาดทุน
- ศึกษาข้อมูล DW ควรเข้าใจประเภทต่าง ๆ ของ DW (Call หรือ Put) และประเภทของหลักทรัพย์อ้างอิง
- เลือก DW ที่เหมาะสม ควรพิจารณาความผันผวนของตลาดและหุ้นที่จะทำการลงทุน
- ติดตามข่าวสารและการเคลื่อนไหวของตลาด โดย DW จะเคลื่อนไหวตามราคาหลักทรัพย์อ้างอิง ดังนั้นการติดตามข่าวสารและการวิเคราะห์ตลาดจึงสำคัญ
- ตั้งจุดตัดขาดทุนหรือ Cut Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยง ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนในทุกการลงทุน
ความเสี่ยงที่มือใหม่ต้องระมัดระวัง
หลายคนอาจจะมองว่าการเทรด DW ใช้เงินน้อย และมีโอกาสได้กำไรสูง แต่ในโอกาสนี้ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการถือ DW ที่ใกล้หมดอายุ เนื่องจากมีค่าเสื่อมเวลา (Time Decay) ทำให้มูลค่าลดลงเรื่อย ๆ จึงควรเทรด DW ที่เพิ่งออกใหม่ หรืออายุไม่มาก
- ความผันผวนสูงกว่าหุ้นปกติ แม้ว่าจะได้กำไรเร็ว แต่ก็ขาดทุนอย่างรวดเร็วด้วยเช่นเดียวกัน
- เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น-กลาง ไม่เกิน 10 วันเท่านั้น และหากถือข้ามวันควรเลือก DW ที่มีค่า Time Decay ต่ำ
ไม่ว่าจะลงทุนอะไร ก็ควรศึกษาวิธีการลงทุนอย่างถ่องแท้ การเทรด DW ก็เช่นเดียวกัน หากคุณพร้อมที่จะเข้าถึงโอกาสการลงทุนใน DW และทำกำไรจากตลาดหุ้นด้วยต้นทุนต่ำ สามารถเริ่มต้นเปิดบัญชีลงทุนกับ InnovestX ได้แล้ววันนี้ และเข้าสู่โลกของการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพื่อก้าวสู่โลกแห่งการลงทุนไปกับเราได้แล้ววันนี้
คำเตือน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ข้อมูลอ้างอิง:
- ข้อควรระวังในการเลือก DW. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/500-investhow-how-to-trade-dw-kgi-2024
- DW ถือนาน ๆ ได้ไหม แล้ว Time Decay ของ DW ลดลงอย่างไร?. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.thaiwarrant.com/knowledge/articles-details-190
- เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนเริ่มต้นเทรด DW. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/387-investhow-dw-2023
