Keyword
Company History

Food & Life Companies Ltd.: จากซูชิร้านเล็กๆ สู่อาณาจักรอาหารญี่ปุ่นระดับโลก

28 Oct 25 4:06 PM
3563
สรุปสาระสำคัญ

จากร้านซูชิเล็กๆ ในโอซาก้าที่ก่อตั้งโดย Yoshio Shimizu เมื่อเกือบ 50 ปีก่อน สู่การกลายเป็นอาณาจักรซูชิระดับโลก Food & Life Companies Ltd. คือเรื่องราวของการเติบโตที่ผสมผสานความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นเข้ากับวิสัยทัศน์ระดับสากลได้อย่างลงตัว จากจานซูชิที่หมุนอยู่บนสายพานธรรมดาในปี 1975 วันนี้แบรนด์ Sushiro ของพวกเขากลับกลายเป็นภาพจำของซูชิอร่อยในราคาที่เข้าถึงได้ ทั้งในญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะในเกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย สิงคโปร์ หรือแม้แต่สหรัฐฯ เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือการผสานเทคโนโลยี การบริหารแบบครบวงจร และจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่นที่ไม่เคยจางหาย

แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวของ F&LC น่าติดตามยิ่งกว่าคือความทะเยอทะยานใหม่ ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ซูชิสายพานอีกต่อไป บริษัทกำลังขยายจากแบรนด์เดียวสู่พอร์ตโฟลิโอระดับโลก ทั้งซูชิพรีเมียมจาก Kyotaru และร้านอิซากายะซูชิแนวใหม่ Sugidama ที่นำเสนอประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นในมิติที่แตกต่าง ยิ่งไปกว่านั้น วิสัยทัศน์ Global Japanese Food Platform ของ F&LC ยังบอกเราว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของซูชิ แต่คือการเดินทางของแบรนด์ญี่ปุ่นที่กลายเป็นแรงบันดาลใจระดับโลก

ประวัติและความเป็นมาของ Food & Life Companies Ltd.

FOOD & LIFE COMPANIES LTD. เริ่มมาจากร้านซูชิเล็กๆ ในจังหวัดโอซาก้าเมื่อปี 1975 ก่อตั้งโดยคุณ Yoshio Shimizu ก่อนจะพัฒนาเป็นบริษัท Sushitaro Co., Ltd. ในปี 1984 เพื่อขยายธุรกิจซูชิสายพานภายใต้แนวคิดที่จะเติมเต็มชีวิตผู้คนด้วยซูชิคุณภาพดีในราคาย่อมเยา บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนชื่อเป็น Akindo Sushiro Co., Ltd. ในปี 2000 ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวในปี 2003 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นเชนร้านซูชิรายใหญ่ของญี่ปุ่น

ต่อมาในปี 2008 บริษัทได้ทำการ MBO (Management Buyout) กับกองทุน Unison Capital Group และภายหลังในปี 2012 ได้รับการเข้าซื้อโดย Permira Fund ซึ่งช่วยเสริมโครงสร้างทางการเงินและการบริหารให้แข็งแกร่งขึ้น จากนั้นในปี 2015 บริษัทได้ปรับโครงสร้างเป็น บริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อ Sushiro Global Holdings Co., Ltd. และขยายกิจการออกสู่ตลาดต่างประเทศเช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย จีน อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น FOOD & LIFE COMPANIES LTD. ในปี 2021 เพื่อสะท้อนการเติบโตจากธุรกิจซูชิสายพานสู่กลุ่มธุรกิจอาหารครบวงจร โดยมีแบรนด์ในเครือสำคัญอย่าง Sushiro, Kyotaru และ Sugidama ที่ร่วมกันขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านอาหารญี่ปุ่นในระดับโลก

 

โครงสร้างรายได้และแหล่งรายได้หลัก

  1. ธุรกิจซูชิโระในประเทศ — 65.9% ของรายได้รวม

ธุรกิจซูชิสายพานภายในประเทศยังคงเป็นหัวใจหลักของกลุ่ม โดยสร้างรายได้รวม 238,173 ล้านเยน หรือคิดเป็น 65.9% ของรายได้รวมบริษัทในกลุ่มดำเนินการภายใต้ชื่อ Sushiro ผ่านบริษัทย่อยหลัก Akindo Sushiro Co., Ltd. โดยมุ่งเน้นการขยายสาขาทั้งในเขตชานเมืองและเมืองใหญ่ รวมถึงร้านรูปแบบพิเศษ เช่น ร้านสำหรับสั่งกลับบ้าน (takeout specialty store) และร้านแฟรนไชส์บางส่วน กลยุทธ์ของธุรกิจนี้คือการรักษาคุณภาพ ความสด และรสชาติอร่อยในราคาที่เข้าถึงได้ (Umai Sushi) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Sushiro พร้อมเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่านระบบสั่งอาหารอัตโนมัติและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจในประเทศจึงยังเป็นแหล่งกำไรหลักและเป็นฐานรายได้ที่มั่นคงที่สุดของบริษัท

 

  1. ธุรกิจซูชิโระต่างประเทศ — 25.6% ของรายได้รวม

กลุ่มธุรกิจซูชิโระต่างประเทศดำเนินการผ่านบริษัทย่อยในประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย จีนแผ่นดินใหญ่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ธุรกิจนี้มุ่งขยายแนวคิดอร่อยแบบญี่ปุ่นแท้ (Authentic Japanese Taste) สู่ตลาดเอเชียและอเมริกาเหนือ โดยปรับเมนูให้เข้ากับรสนิยมผู้บริโภคในแต่ละประเทศ ในปี 2024 บริษัทได้จัดตั้ง Sushiro Malaysia Sdn. Bhd. เพื่อขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติม ซึ่งช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของกลุ่มนี้ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญใขระยะกลางและระยะยาวของบริษัท เนื่องจากตลาดต่างประเทศยังมีศักยภาพการบริโภคอาหารญี่ปุ่นที่สูงและการแข่งขันที่ไม่รุนแรงเท่าญี่ปุ่น

 

  1. ธุรกิจเคียวทารุ — 6.6% ของรายได้รวม

ธุรกิจ Kyotaru ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทลูก KYOTARU CO., LTD. กลุ่มนี้มุ่งเน้นตลาดซูชิระดับพรีเมียมและอาหารพร้อมรับประทาน(takeout sushi) ผ่านแบรนด์หลัก ได้แก่ Kyotaru, Kaiten Sushi Misaki และ Kaisen Misakiko จุดเด่นของธุรกิจคือการรักษาคุณภาพและฝีมือของเชฟซูชิในร้าน รวมถึงการให้บริการลูกค้าระดับบนและกลุ่มองค์กร ธุรกิจ Kyotaru จึงเป็นส่วนเสริมเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ของกลุ่มจากตลาดแมสไปสู่ตลาดพรีเมียม และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความหลากหลายของรายได้

 

  1. ธุรกิจอื่นๆ — 1.9% ของรายได้รวม

กลุ่ม Other Businesses มุ่งพัฒนาธุรกิจอาหารรูปแบบใหม่ภายใต้บริษัทย่อย FOOD & LIFE INNOVATIONS LTD. โดยมีแบรนด์หลักคือ Sugidama ซึ่งเป็นร้านอิซากายะซูชิ (Sushi Izakaya Tavern) ที่ผสมผสานบรรยากาศการดื่มกับอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม กลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็น innovation arm ขององค์กร เพื่อทดสอบแนวทางธุรกิจใหม่และขยายประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบ casual มากขึ้น แม้สัดส่วนรายได้ยังเล็ก แต่ถือเป็นฐานสำคัญสำหรับการทดลองนวัตกรรมและสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถต่อยอดไปสู่การขยายในต่างประเทศในอนาคต

 

Screenshot-2025-10-28-160926.png

 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและจุดแข็ง

  1. การเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักภายในประเทศ (Strengthening Core Domestic Business)

FOOD & LIFE COMPANIES มุ่งเน้นยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของธุรกิจซูชิสายพานในประเทศ ผ่านบริษัทย่อย Akindo Sushiro Co., Ltd. ซึ่งเป็นแกนหลักของรายได้ทั้งหมด บริษัทเน้นการขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพสูง ทั้งในเมืองใหญ่และชานเมือง เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของแบรนด์ในญี่ปุ่น ขณะเดียวกันยังพัฒนาร้านต้นแบบเมือง (Urban Model Stores) เช่น สาขา Minami Ikebukuro เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยทำงานและครอบครัวในเขตเมืองมากขึ้น

จุดแข็งหลักของธุรกิจในประเทศคือ โมเดลการบริหารแบบครบวงจร (Integrated Value Chain) ที่ควบคุมตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบคุณภาพสูง การผลิต ไปจนถึงการให้บริการในร้าน ส่งผลให้สามารถรักษามาตรฐานคุณภาพสูงในราคาย่อมเยา ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติในการเสิร์ฟและสั่งอาหารยังช่วยลดต้นทุนแรงงาน และสร้างประสบการณ์ที่สะดวกและทันสมัยให้กับลูกค้า ซึ่งช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของแบรนด์ Sushiro ในตลาดญี่ปุ่น

 

  1. การขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ (Overseas Expansion and Localization Strategy)

อีกหนึ่งเสาหลักของกลยุทธ์ระยะกลางถึงยาวคือการขยายธุรกิจ Sushiro สู่ตลาดต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด Global Brand, Local Taste โดยบริษัทดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อยใน เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างเครือข่ายร้านซูชิญี่ปุ่นระดับโลก การขยายนี้ไม่ได้เน้นเพียงปริมาณสาขา แต่เน้น การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมการบริโภคท้องถิ่น เช่น การออกเมนูเฉพาะประเทศและการใช้วัตถุดิบในพื้นที่ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความยั่งยืนของ supply chain

จุดแข็งสำคัญคือ ประสบการณ์การขยายธุรกิจระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบ บริษัทได้ใช้โมเดลจากตลาดเอเชียตะวันออก เช่น เกาหลีและไต้หวัน เป็นฐานต้นแบบสำหรับการเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาเหนือ กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงความยืดหยุ่นขององค์กร (organizational adaptability) และความสามารถในการถ่ายทอดมาตรฐานคุณภาพแบบญี่ปุ่นไปสู่ตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ

 

  1. การกระจายพอร์ตธุรกิจด้วยแบรนด์พรีเมียมและนวัตกรรมอาหาร (Portfolio Diversification through Premium & Innovation Brands)

การเข้าซื้อกิจการ KYOTARU CO., LTD. ในปี 2021 ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายเข้าสู่ตลาดซูชิระดับพรีเมียมและอาหารพร้อมรับประทาน (takeout sushi) โดยแบรนด์ Kyotaru, Kaiten Sushi Misaki, และ Kaisen Misakiko มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการคุณภาพและความประณีตแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งต่างจากตลาดแมสของ Sushiro การรวม Kyotaru เข้ามายังช่วยเพิ่มความหลากหลายของช่องทางจำหน่าย เช่น ร้านในสถานีรถไฟ ห้างสรรพสินค้า และจุดพักทางด่วน

นอกจากนี้ บริษัทได้ก่อตั้ง FOOD & LIFE INNOVATIONS LTD. เพื่อพัฒนาแบรนด์ Sugidama ร้านอิซากายะซูชิที่เน้นประสบการณ์การรับประทานแบบ casual และผสมผสานการดื่มกับอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม แบรนด์นี้ทำหน้าที่เป็นห้องทดลองธุรกิจสำหรับแนวคิดใหม่ในด้านเมนู เทคโนโลยีร้านอาหาร และประสบการณ์ผู้บริโภค เพื่อปูทางสู่การขยายธุรกิจแนวใหม่ในอนาคต

 

  1. การบริหารแบบโฮลดิ้งเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Holding Company Model for Sustainable Growth)

ในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง FOOD & LIFE COMPANIES LTD. ทำหน้าที่กำหนดนโยบายบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทย่อยผ่านการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างการบริหารนี้ช่วยให้แต่ละหน่วยธุรกิจ เช่น Sushiro Japan, Sushiro International, Kyotaru, และ Innovations สามารถดำเนินการอย่างอิสระภายใต้กรอบกลยุทธ์รวมของกลุ่ม

จุดแข็งของรูปแบบนี้คือการผสานความเร็วในการตัดสินใจของธุรกิจหน้างานเข้ากับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ระดับองค์กร ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่นความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ต้นทุนวัตถุดิบ และพฤติกรรมผู้บริโภค บริษัทจึงสามารถรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตเชิงรุกกับความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

 

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

เทียบกับ Kura Sushi (ญี่ปุ่น/สหรัฐฯ): โมเดลซูชิสายพานอัตโนมัติและเกมมิฟิเคชันที่เด่นด้านเทคโนโลยีและเอนเกจเมนต์ Kura Sushi คือเชนซูชิสายพานที่สร้างความต่างด้วย ระบบโดม Mr. Fresh และ RFID/plate-tracking ช่วยคุมความสดของจานและนับจำนวนจานอัตโนมัติ เสริมด้วย Bikkura Pon (เกมกาชาปองลุ้นของรางวัลทุก 15 จาน) ซึ่งกลายเป็นจุดขายสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ที่แบรนด์สื่อสารว่าเป็น eater-tainment รวมความบันเทิงเข้ากับมื้ออาหาร ระบบนี้ถูกอธิบายในสื่ออุตสาหกรรม/เอกสารสาธารณะของบริษัท และสาขาในสหรัฐฯ ใช้แคมเปญ Collaboration ต่อเนื่องเช่น One Piece, Mr. Fresh figure เพื่อดึงทราฟฟิกครอบครัวและวัยรุ่นเข้าร้าน ส่งผลต่อการหมุนเวียนโต๊ะและบิลเฉลี่ยต่อบิลอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อเปรียบเทียบเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งสองรายต่างยืนบนโมเดล ซูชิสายพาน + อัตโนมัติ แต่ FOOD & LIFE COMPANIES ได้เปรียบด้วย สเกล พอร์ตแบรนด์และการกระจายภูมิศาสตร์ ที่กว้างกว่าอย่างมีนัยสำคัญ กลุ่มมีหลายเซกเมนต์ทั้ง Domestic Sushiro, International Sushiro, Kyotaru, Innovations ทำให้ครอบคลุมตั้งแต่แมสถึงพรีเมียมและเทคเอาท์ มีเครือบริษัทย่อยครอบคลุมเกาหลี ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสหรัฐฯ จึงเกิดอำนาจต่อรองจัดซื้อและเสถียรภาพซัพพลายสูง แม้ Kura จะเด่นเทคหน้าเคาน์เตอร์และเอนเกจเมนต์ แต่ F&LC แปลง สเกลระดับภูมิภาคและพอร์ตหลายแบรนด์ เป็น ต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่า การบริหารความเสี่ยงตลาดดีกว่า และช่องทางรายได้หลากหลายกว่า จึงมีศักยภาพ compounding สูงในหลายประเทศพร้อมกัน มากกว่าพึ่งพาตลาดเดียวเป็นหลัก

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

เมื่อเทียบกับในประเทศไทยของ Oishi Group (OISHI) ซึ่งก่อตั้งจากร้านอาหารญี่ปุ่นในปี 1999 และเติบโตทั้งในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ Oishi สู่การเป็นผู้นำตลาดชาเขียวในไทย โดยดำเนินธุรกิจผ่าน 2 เซกเมนต์หลักคือ ร้านอาหารญี่ปุ่น (Food) และเครื่องดื่ม อาหารพร้อมรับประทาน (Beverage) องค์กรเน้นการครอบคลุมตลาดกลางในไทยและขยายออกสู่ต่างประเทศผ่านธุรกิจเครื่องดื่มและแฟรนไชส์ร้านอาหาร

ในขณะที่ FOOD & LIFE COMPANIES เจ้าของแบรนด์ Sushiro มีความได้เปรียบชัดเจน โดยการนำด้านขนาดและการกระจายภูมิศาสตร์ ที่กว้างกว่า F&LC ขยายสาขาในหลายประเทศในเอเชียแล้วและยังอยู่ระหว่างขยายในอเมริกาเหนือ ผลักดันให้เครือข่ายจัดซื้อ วัตถุดิบ และระบบมาตรฐานร้านค้าแข็งแกร่งกว่าในตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง F&LC มีพอร์ตแบรนด์ที่หลากหลายทั้งตลาดแมส (Sushiro) และตลาดพรีเมียม/เทคเอาท์ (Kyotaru) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเซกเมนต์เดียว เมื่อรวมกับระบบโฮลดิ้งที่ปรับให้แต่ละบริษัทลูกดำเนินงานอย่างยืดหยุ่น ภายใต้กรอบกลยุทธ์เดียว ก็ทำให้ F&LC มี ต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่า เครือข่ายข้ามประเทศที่มากกว่า และความสามารถที่จะนำมาตรฐานญี่ปุ่นสู่ตลาดต่างประเทศได้ไว เมื่อเทียบกับ Oishi ที่แม้มีตำแหน่งแข็งแรงในไทยแต่ยังจำกัดในภูมิภาคและเซกเมนต์ธุรกิจ

 

อนาคตและโอกาสการเติบโต

บริษัท FOOD & LIFE COMPANIES LTD. มองเห็นโอกาสการเติบโตในระยะกลางถึงยาวผ่านการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้วิสัยทัศน์ที่จะส่งมอบความอร่อยของซูชิญี่ปุ่นสู่ผู้บริโภคทั่วโลก โดยมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตเชิงปริมาณกับคุณภาพของร้าน ผ่านการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องในตลาดเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไทย จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีศักยภาพสูงและอัตราการบริโภคอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รายงานระบุว่า รายได้จากต่างประเทศมีสัดส่วนถึง 26% ของรายได้รวม และจะเป็นเครื่องยนต์การเติบโตหลักในอนาคต บริษัทมีแผนเพิ่มสาขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และขยายฐานในอเมริกาเหนือ เพื่อสร้างแบรนด์ Sushiro ให้กลายเป็นเชนซูชิสายพานระดับโลก

นอกจากนี้ F&LC ยังมุ่งพัฒนา ความยั่งยืนของธุรกิจและนวัตกรรมด้านอาหาร (Sustainable & Innovation Growth) ผ่านบริษัทย่อย FOOD & LIFE INNOVATIONS LTD. เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ เช่น ร้านอาหารแนว casual Sugidama และการปรับตัวสู่ช่องทางดิจิทัล เช่น ระบบสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน การพัฒนาครัวกลาง (Central Kitchen) ที่มีประสิทธิภาพสูง และการบริหาร supply chain ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ ESG โดยเฉพาะการจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน และการลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตอาหาร เป้าหมายเหล่านี้สะท้อนเจตนารมณ์ของ F&LC ที่จะเติบโตจากเชนร้านซูชิระดับประเทศสู่ Global Japanese Food Platform ที่เชื่อมโยงผู้บริโภคทั่วโลกเข้ากับวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่ที่ยั่งยืนและมีคุณภาพสูง

 

ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

บริษัท FOOD & LIFE COMPANIES LTD. เผชิญความเสี่ยงหลายด้านที่อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety Risk) ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญสูงสุด โดยมีการลงทุนจำนวนมากเพื่อป้องกันปัญหาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดหา การขนส่ง การเก็บรักษา ไปจนถึงการปรุงและบริการภายในร้าน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังตระหนักว่าการป้องกันอย่างสมบูรณ์เป็นไปได้ยาก เนื่องจากความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น การปนเปื้อนของเชื้อโรคอย่าง Norovirus หรือ Staphylococcus aureus รวมถึงการเรียกคืนสินค้า (recall) หากมีการละเมิดกฎหมายการติดฉลากอาหาร อีกทั้งยังมีความเสี่ยงใหม่ๆ จากการระบาดของโรคติดต่อ ซึ่งอาจกระทบต่อความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน รวมถึงชื่อเสียงของบริษัทหากเกิดกรณีข่าวลือหรือรายงานด้านลบในสื่อ

อีกหนึ่งความเสี่ยงสำคัญคือ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและความยากในการจัดหาวัตถุดิบ โดยเฉพาะอาหารทะเลซึ่งต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอก เมื่อเกิดการขาดแคลนทรัพยากรทางทะเลหรือการขึ้นราคาสินค้า บริษัทอาจเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นและกำไรลดลง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและชื่อเสียง (Reputation & IT Risks) เช่น การรั่วไหลของข้อมูลจากผู้ให้บริการคลาวด์หรือแอปพลิเคชันภายนอก และข่าวลือในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการปนเปื้อนอาหารหรือพฤติกรรมพนักงาน ซึ่งอาจทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของลูกค้าได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารญี่ปุ่นที่ไวต่อกระแสสังคม และสุดท้ายคือ ความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับความแตกต่างของรสนิยมผู้บริโภค การแข่งขันในตลาดท้องถิ่น ต้นทุนแรงงาน และกฎระเบียบของแต่ละประเทศ หากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน บริษัทอาจประสบปัญหาความสูญเสียทางการเงินในตลาดใหม่ๆ ได้

 

สนใจลงทุนในหุ้น Food & Life Companies Ltd. (3563.T) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5