
การจัดหมวดหมู่สินทรัพย์ดิจิทัลในส่วนนี้อ้างอิงจาก บทบาทและหน้าที่ของเครือข่ายหรือโปรโตคอลภายในโครงสร้างเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยพิจารณาจากลักษณะการทำงานของระบบ แบ่งออกเป็น 8 ประเภทหลัก
1. Payment Platforms บล็อกเชนที่มุ่งเน้นการโอนและชำระมูลค่าทางการเงินแบบไร้ตัวกลาง ทำหน้าที่เป็น Store of Value, Unit of Account และ Medium of Exchange เช่น Bitcoin (BTC), Litecoin (LTC) และ Zcash (ZEC)
2. Smart Contract Platforms บล็อกเชนฐานที่รองรับการเขียน Smart Contracts และพัฒนา dApps ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ Web3 เช่น Ethereum, Solana (SOL) และ Cardano (ADA)
3. Blockchain Accelerators โซลูชันขยายขีดความสามารถของบล็อกเชนหลัก เช่น Ethereum โดยใช้เทคโนโลยี Rollups เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น Arbitrum (ARB)และ Polygon (POL)
4. Cross-Chain Platforms โครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้บล็อกเชนหลายเครือข่ายสื่อสารและถ่ายโอนข้อมูลหรือสินทรัพย์ระหว่างกัน เช่น Polkadot (DOT)
5.Application-Specific Blockchains / Hybrid Layer บล็อกเชนหรือโครงสร้างแบบ Modular ที่ออกแบบมาเพื่อกรณีใช้งานเฉพาะ เช่น Celestia (TIA)
6. Blockchain Oracles ชั้นโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมบล็อกเชนกับข้อมูลภายนอก เพื่อให้ Smart Contracts ทำงานบนข้อมูลโลกจริงได้อย่างน่าเชื่อถือ เช่น Chainlink (LINK)
7. Centralized Applications (cApps) แอปพลิเคชันแบบรวมศูนย์ที่เป็นจุดเชื่อมต่อผู้ใช้กับ Web3 ภายใต้การกำกับขององค์กร
8. Decentralized Applications (dApps) แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ที่ทำงานผ่าน Smart Contracts และบริหารด้วย DAO เช่น Uniswap (UNI)
การจัดหมวดหมู่สินทรัพย์ดิจิทัลในส่วนนี้ อ้างอิงจาก บทบาทและหน้าที่ของเครือข่ายหรือโปรโตคอลภายในโครงสร้างเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยพิจารณาจากลักษณะการทำงานของระบบ โดยแบ่งออกเป็น 8 ประเภท
1.Payment Platforms
Payment Platforms คือ บล็อกเชนหรือโปรโตคอลที่ถูกออกแบบมาโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ การโอนและชำระมูลค่าทางการเงิน โดยตรง ระหว่างผู้ใช้งานบนเครือข่ายแบบไร้ตัวกลาง (peer-to-peer) แตกต่างจากแพลตฟอร์มบล็อกเชนประเภทอื่นที่มุ่งเน้นการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือระบบนิเวศที่ซับซ้อน โดยแบ่งเป็น
แหล่งเก็บมูลค่า (Store of Value), หน่วยวัดมูลค่า (Unit of Account) และ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange)
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Payment Platforms
2.Smart Contract Platforms
Smart Contract Platforms คือ บล็อกเชนฐาน (base blockchain) ที่มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมได้โดยตรงบนเครือข่าย ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้าง Smart Contracts และพัฒนา Decentralized Applications (dApps) ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง แพลตฟอร์มประเภทนี้จึงทำหน้าที่เป็น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สำหรับระบบการเงินและบริการรูปแบบใหม่บนบล็อกเชน ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการโอนมูลค่าเหมือนบล็อกเชนเพื่อการชำระเงิน
Smart Contract คือ สัญญาที่เงื่อนไขต่าง ๆ ถูกเขียนและบังคับใช้ในรูปแบบของโค้ดบนบล็อกเชน เช่น Ethereum เมื่อเงื่อนไขครบถ้วน ระบบจะดำเนินการโดยอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาตัวกลาง เพิ่มความโปร่งใส และลดความเสี่ยงจากการผิดสัญญา
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Smart Contract Platforms
3.Blockchain Accelerators
Blockchain Accelerators หมายถึง กลุ่มของโซลูชันสำหรับการขยายขีดความสามารถของเครือข่ายบล็อกเชน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มปริมาณการประมวลผลธุรกรรม โดยไม่ลดทอนความปลอดภัยของบล็อกเชนต้นทาง เช่น Ethereum
โดยพื้นฐานแล้ว แพลตฟอร์มเหล่านี้ดำเนินงานผ่านบล็อกเชนอิสระ ซึ่งสามารถจัดการธุรกรรมได้ในปริมาณมากกว่าหลายระดับ ก่อนจะส่งผลลัพธ์กลับไปยังเครือข่ายหลักเพื่อการบันทึกถาวร โดยเน้นหลักประกันความปลอดภัยของเครือข่ายหลักเอาไว้
หนึ่งในกลไกที่สำคัญคือเทคโนโลยี Rollups ซึ่งทำหน้าที่รวมธุรกรรมจำนวนนับร้อยรายการให้เป็นเพียงธุรกรรมเดียวบน layer หลัก วิธีนี้ช่วยลดความแออัดของเครือข่าย เพิ่ม throughput และลดต้นทุนค่าธรรมเนียมให้กับผู้ใช้งาน
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Blockchain Accelerators
4.Cross-Chain Platforms
Cross-chain Platforms เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในโลกบล็อกเชนที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เมื่อบล็อกเชนแต่ละเครือข่ายเติบโตขึ้นพร้อมระบบนิเวศของตนเอง ความสามารถในการถ่ายโอน สินทรัพย์ โทเคน และข้อมูล ระหว่างเครือข่ายจึงมีความจำเป็นมากขึ้น
Cross-chain bridges ทำหน้าที่เป็นกลไกสำหรับ การสื่อสารระหว่างบล็อกเชน (inter-blockchain communication) ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถย้ายสินทรัพย์และข้อมูลข้ามเครือข่ายได้อย่างราบรื่น เพิ่มความเชื่อมโยงของสภาพคล่อง และเปิดทางให้แอปพลิเคชันทำงานได้บนหลายบล็อกเชนพร้อมกัน
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Cross-Chain Platforms
5. Application-Specific Blockchains or Hybrid Layer
Application-specific blockchains คือ บล็อกเชนที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับกรณีใช้งานเฉพาะโดยตรง แทนที่จะพัฒนา dApp บน smart contract platform เช่น Ethereumนักพัฒนาจะสร้างบล็อกเชนของตนเองตั้งแต่ระดับ protocol เพื่อควบคุมโครงสร้าง ค่าธรรมเนียม ประสิทธิภาพ และโมเดลความปลอดภัยให้เหมาะกับแอปนั้นโดยเฉพาะ
ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดของ smart contract platforms เช่น ค่าธรรมเนียมสูง ความแออัดของเครือข่าย และข้อจำกัดด้าน customization ขณะเดียวกันยังเปิดทางให้เกิด Hybrid Layer ที่แยกหน้าที่ของบล็อกเชนออกเป็นโมดูล
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Application-Specific Blockchains or Hybrid Layer
6. Blockchain oracles
Blockchain oracles คือ โครงสร้างพื้นฐานที่ทำหน้าที่เชื่อมบล็อกเชนกับระบบและข้อมูลภายนอก เพื่อให้สมาร์ตคอนแทรกต์สามารถทำงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากโลกจริงได้อย่างถูกต้องและตรวจสอบได้ Oracles มีบทบาทสำคัญต่อการสร้าง verifiable web โดยลดข้อจำกัดของบล็อกเชนที่แยกตัวจากภายนอก และสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งนี้ Oracles ไม่ใช่แหล่งข้อมูลโดยตรง แต่เป็นชั้นกลางที่ทำหน้าที่ดึง ตรวจสอบ ยืนยันความถูกต้อง และส่งต่อข้อมูลจากภายนอกเข้าสู่บล็อกเชนอย่างน่าเชื่อถือ
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Blockchain oracles
7. Centralized Applications (cApps)
Centralized Applications (cApps) คือแอปพลิเคชัน Web และ Mobile แบบรวมศูนย์ที่ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อให้ผู้ใช้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการบน Web3 โดยดำเนินงานภายใต้โครงสร้างองค์กรแบบดั้งเดิม เช่น บริษัทเอกชน บริษัทจดทะเบียน
cApps มีจุดเด่นตรงที่การใช้งานส่วนใหญ่อยู่ภายใต้รูปแบบ custodial โดยแพลตฟอร์มเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์แทนผู้ใช้ ขณะเดียวกันหน่วยงานส่วนกลางยังคงถือสิทธิ์ในการกำกับดูแล บังคับใช้นโยบาย หรือระงับการใช้งานบัญชีตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้
8. Decentralized Applications (dApps)
Decentralized Applications (dApps) คือแอปพลิเคชันบนเว็บหรือมือถือที่ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนเพื่อให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ บริการ หรือข้อมูลในระบบ Web3 โดยไม่มีหน่วยงานส่วนกลางควบคุม การทำงานของ dApps อาศัย Smart Contract ที่เปิดเผย ตรวจสอบได้ และทำงานอัตโนมัติบนเครือข่ายบล็อกเชน
dApps มีกรณีใช้งานที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งภาคการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) เช่น การกู้ยืม การแลกเปลี่ยน และการบริหารสภาพคล่อง ไปจนถึงกรณีใช้งานนอกภาคการเงิน เช่น โซเชียลมีเดีย เกม NFT และระบบจัดการตัวตนดิจิทัล
ในด้านการกำกับดูแล Decentralized Autonomous Organizations (DAOs) ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักในการบริหาร dApps โดยใช้บล็อกเชนและกลไกการโหวตของผู้ถือโทเคนในการตัดสินใจเชิงนโยบาย การอัปเกรดโปรโตคอล และการจัดสรรทรัพยากร ซึ่งช่วยให้การพัฒนาและการดำเนินงานของ dApps สะท้อนเจตนารมณ์ของชุมชนและหลักการกระจายอำนาจของ Web3 อย่างแท้จริง
ตัวอย่างเหรียญในกลุ่ม Decentralized Applications (dApps)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้