Keyword
Digital Assets

Pendle: ปฏิวัติการจัดการผลตอบแทนใน DeFi ด้วยการแยกเงินต้นและผลตอบแทนผ่าน Yield Tokenization

3 Oct 25 5:03 PM
Crypto Currency
สรุปสาระสำคัญ

Pendle เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก Decentralized Finance (DeFi) ที่ผ่านมา นักลงทุนไม่สามารถ “จัดการผลตอบแทน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งไม่สามารถรับรู้และล็อกผลตอบแทนล่วงหน้า ได้อย่างชัดเจนไม่สามารถแยกเงินต้นออกจาก Yield และขาดเครื่องมือเก็งกำไรที่ยืดหยุ่น Pendle ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้อย่างตรงจุดด้วยโมเดล Yield Tokenization

 

โมเดล Yield Tokenization ทำงานโดยการแยก Yield ออกเป็นสองส่วน ได้แก่

  • Principal Token (PT) ตัวแทนมูลค่าเงินต้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการล็อคผลตอบแทนคงที่ในรูปแบบ Fixed Income

 

  • Yield Token (YT) ตัวแทนสิทธิในผลตอบแทนอนาคต เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราผลตอบแทน (APY)

 

กลไกนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถออกแบบกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้แบบ Passive Income จากการทำ Yield Farming เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเงินทุน หรือการใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันความไม่แน่นอนของตลาด

 

นอกจากนี้ Pendle ยังสามารถประยุกต์ใช้งานได้กับสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Stablecoins อย่าง USDC และ USDT, Liquid Staking Tokens (LSTs) เช่น stETH รวมถึงอนุพันธ์ (Derivatives) อย่าง Funding Rate Derivative จึงทำให้โปรโตคอลนี้มีความครอบคลุมและสอดรับกับความต้องการของนักลงทุนในหลายมิติ

 

การผสมผสานระหว่างความต้องการจากนักลงทุนทั่วโลกและโมเดลการลงทุนที่สร้างความยืดหยุ่นสูง Pendle จึงไม่ใช่เพียงโปรโตคอล DeFi ทั่วไป แต่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้อย่างชาญฉลาด

ประวัติ: การพัฒนาที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของการจัดการ Yield

 

PENDLE เริ่มต้นในปี 2021 โดยทีม TN Labs ที่มีประสบการณ์ด้าน DeFi และ Traditional Finance ด้วยวิสัยทัศน์เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของตลาด DeFi ที่ผู้ใช้ไม่สามารถจัดการความเสี่ยงหรือเก็งกำไรจากอัตราผลตอบแทน (Yield) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก่อนหน้า Pendle การสร้างผลตอบแทนใน DeFi มีข้อจำกัดหลายประการ ได้แก่ ผู้ใช้ต้อง Stake หรือฝากสินทรัพย์ไว้จนครบกำหนด, ไม่สามารถล็อกอัตราผลตอบแทนที่ดีได้ล่วงหน้า, และไม่สามารถซื้อขายหรือโอน Yield ได้แยกจากสินทรัพย์หลัก Pendle แก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการนำเสนอกลไก Yield Tokenization ที่แยกสินทรัพย์ออกเป็นสองส่วน คือ Principal Token (PT) และ Yield Token (YT)

 

การออกแบบ Yield Trading ของ Pendle ทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์หลายด้าน ได้แก่ การกำหนดผลตอบแทน อัตราผลตอบแทนที่แน่นอนล่วงหน้า (Fixed Yield), การเก็งกำไรจากความผันผวนของ Yield (Yield Speculation), และการเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนผ่าน Yield Compounding Pendle ได้วางตำแหน่งตนเองเป็นโปรโตคอล Yield Trading Protocol ชั้นนำ โดยมีระบบ AMM (Automated Market Maker) เฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับการซื้อขาย Yield โดยเฉพาะ

 

 

 

การทำงานของ Pendle Protocol

 

PENDLE เป็นโทเค็นหลักของโปรโตคอล Pendle Finance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi (Decentralized Finance) ที่พัฒนาขึ้นจากแนวคิด Yield Tokenization หรือการแยก “ผลตอบแทน” ออกจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดผลตอบแทน (yield-bearing assets) โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนสำคัญ คือ

 

1. Principal Token (PT):  มูลค่าเงินต้น (principal) ของสินทรัพย์ต้นฉบับ ผู้ถือ PT จะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนเมื่อโทเค็นครบกำหนด (maturity) คล้ายกับพันธบัตร Zero-Coupon Bond ที่ไม่มีดอกเบี้ยระหว่างทาง

 

2. Yield Token (YT):  ผลตอบแทนในอนาคต (เช่น ดอกเบี้ยจาก Stablecoins หรือรางวัลจากการ staking) ที่เกิดจากสินทรัพย์ต้นฉบับจนถึงวันครบกำหนด ผู้ถือ YT จะได้รับผลตอบแทนทั้งหมด แต่ YT จะหมดมูลค่า (expire to zero) เมื่อถึงวันครบกำหนด

 

 

 

ตารางสรุปข้อมูลสำคัญของเหรียญ Pendle

 

Screenshot-2025-10-03-171104.png

 

 

 

ทำไม PENDLE ถึงน่าสนใจ?

 

Pendle เป็นนวัตกรรมใหม่ในโลก DeFi ที่นำแนวคิดการแยกเงินต้นและผลตอบแทนออกจากกันมาสร้างตลาดซื้อขายโดยตรง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง หากเปรียบเทียบกับการเงินดั้งเดิม (TradFi) กลไกนี้มีความใกล้เคียงกับการซื้อขายอนุพันธ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Derivatives) ที่เป็นตลาดขนาดมหาศาลในโลกการเงินสถาบัน Pendle จึงถือเป็นการนำโครงสร้างทางการเงินที่ซับซ้อนและพิสูจน์แล้วว่ามีคุณค่าใน TradFi มาปรับใช้ในโลกบล็อกเชน ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและหลากหลายได้มากขึ้น

 

 

 

การเติบโตและศักยภาพของ Pandle

 

Pendle กำลังแสดงศักยภาพที่โดดเด่นในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม DeFi โดยปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าคือการเติบโตของ Total Value Locked (TVL) ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุด 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 22 กันยายน 2025) ซึ่งไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความนิยมของแพลตฟอร์ม แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งานและนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ในเชิงกลยุทธ์ Pendle ได้ก้าวข้ามขอบเขตของ DeFi เดิม ๆ ด้วยการวางตำแหน่งตัวเองสู่ Fixed Income Layer  เชื่อมโยงทั้งสินทรัพย์ดิจิทัลและ Real-World Asset Tokenization ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญสู่การยอมรับจากสถาบันการเงิน (Institutional Adoption) ในปี 2025

 

อีกจุดแข็งที่ควรจับตามองคือ เครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะความร่วมมือกับ Binance Labs ที่ช่วยเพิ่มทั้งสภาพคล่องและความน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ Pendle ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์ม DeFi ทั่วไป แต่กำลังพัฒนาไปสู่โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมและโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง

 

 

 

ที่มา 

https://www.pendle.finance/

https://github.com/pendle-finance/pendle-v2-resources/tree/main/whitepapers

https://coinmarketcap.com/currencies/pendle/

https://www.coingecko.com/en/coins/pendle

https://www.kraken.com/prices/pendle

 

 

 

สนใจลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี และหุ้นเติบโตอื่น ๆ

 

เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5