รีวิวกองทุนเปิดเคแทม World Islamic Equity Passive [KT-WISLAMIC] กองทุนหุ้นโลกที่ลงทุนตามหลักชะรีอะฮ์ โดยอยู่ในช่วง IPO วันที่ 22 August – 2 September 2025
KT-WISLAMIC จะเป็นกองทุนรวมอิสลามกองทุนแรกและเพียงกองทุนเดียวในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยกองทุน KT-WISLAMIC มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก iShares MSCI World Islamic UCITS ETF (ISDW LN)
การลงทุนตามหลักชะรีอะฮ์: ทางเลือกการลงทุนที่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม
หลักการพื้นฐานที่ต้องรู้
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง (ฮารอม)
- ธุรกิจเหล้า สุรา สิ่งมึนเมา
- การพนัน และธุรกิจบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่
- อาวุธสงคราม และผลิตภัณฑ์จากสุกร
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ย (ริบา)
- การเก็งกำไรที่มีความไม่แน่นอนสูงเกินไป (Gharar)
ทำไมการลงทุนในหุ้นไม่ใช่การพนัน? เมื่อซื้อหุ้น คุณกลายเป็นเจ้าของกิจการส่วนหนึ่ง ผลตอบแทนมาจากการดำเนินธุรกิจจริง ไม่ใช่การเสี่ยงโชค ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ "ไม่มีกำไรหากไม่มีความเสี่ยง"
คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หลักการลงทุนตามชะรีอะฮ์
-----------------------------------------------------------------
กองทุน KT-WISLAMIC กองทุนหุ้นโลกที่ลงทุนตามหลักชะรีอะฮ์ [IPO วันที่ 22 August – 2 September 2025]
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดโลกผ่านหลักชะรีอะฮ์ กองทุน KT-WISLAMIC เป็นกองทุนรวมอิสลามกองทุนแรกและเพียงกองทุนเดียวในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยกองทุน KT-WISLAMIC มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก iShares MSCI World Islamic UCITS ETF (ISDW LN)
จุดเด่นของกองทุนหลัก: ISDW LN ETF
- ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่/ขนาดกลางในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่เป็นไปตามหลักชะรีอะฮ์
- มีกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรับ โดยจะอ้างอิงดัชนี MSCI World Islamic Index
- บริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก BlackRock Asset Management Ireland Limited (บริษัทในเครือของ BlackRock, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
- จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2007 โดยปัจจุบันมีขนาดกองทุนกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เกร็ดความรู้: ดัชนี MSCI World Islamic Index เป็นดัชนีที่ถูกจัดทำขึ้นโดยบริษัท Morgan Stanley Capital International Inc. (ผู้ให้บริการดัชนี) ซึ่งเป็นบริษัทจัดทาดัชนีหลักทรัพย์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาดัชนี เพื่อใช้ในการลงทุน ทั้งแบบทั่วไป, ESG (สิ่งแวดล้อม,สังคม,ธรรมาภิบาล) และ Shariah-compliant (ตามหลักศาสนาอิสลาม) ซึ่งมีการกำหนดวิธีคำนวณโดยยึดหลักการลงทุนตามหลักศาสนาอิสลาม (Shariah) แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1) การคัดกรองตำมประเภทกิจการ (Business Activity Screening) โดยตัดหุ้นที่มีรายได้เกินร้อยละ 5 จากกิจกรรมที่ถือว่าต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม อาทิเช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สินค้าสุกร ธนาคารและบริการทางการเงิน (Interest-based) อาวุธและสงคราม การพนัน/คาสิโน โรงแรม โรงภาพยนตร์ ดนตรี สื่อลามกออนไลน์ ฯลฯ
2) อัตราส่วนทางการเงิน (Financial Ratio Screening) โดยหลักการลงทุนชะรีอะฮ์จะไม่อนุญาตให้ลงทุนในบริษัทที่ได้รับรายได้จำนวนมากจากดอกเบี้ย หรือบริษัทที่มีการ Leverage มากจนเกินไป ซึ่งจะมีการกำหนดเกณฑ์อัตราส่วนทางการเงินเพื่อใช้ในการคัดบริษัทที่จะเข้าหรือออกจากดัชนีในแต่ละรอบการทบทวนดัชนี
3) กระบวนการ “Dividend Purification” ถึงแม้ว่าหุ้นในดัชนีอาจจะผ่านเกณฑ์ตามหลักชะรีอะฮ์ แต่ก็อาจจะมีบางบริษัทที่มีรายได้ส่วนน้อยจากกิจกรรมที่ไม่สอดคล้องกับหลักศาสนา อาทิเช่น ดอกเบี้ย ซึ่งตามหลักชะริอะฮ์แล้ว รายได้ส่วนนี้จะต้องถูกหักออกจากเงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น และนำไปบริจาคออกทันที
กองทุนรวมหลักมีคณะกรรมการกองทุนหุ้นชะรีอะฮ์ (Shari’ah Equity Funds Panel) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทางบริษัทจัดการการลงทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบการปฏิบัติงานต่างๆ ให้สอดคล้องกับหลักชะรีอะฮ์ โดยที่คณะกรรมการกองทุนหุ้นชะรีอะฮ์จะประกอบด้วยนักวิชาการด้านชะรีอะฮ์ที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนตามหลักอิสลาม โดยหน้าที่หลักของคณะกรรมการฯ คือ
1) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเด็นด้านชะรีอะฮ์ของกองทุนหุ้นชะรีอะฮ์
2) ออกความเห็นในรูปแบบของฟัตวา (Fatwa) คำวินิจฉัย หรือแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อความสอดคล้องระหว่างกิจกรรมของกองทุนหุ้นชะรีอะฮ์กับหลักชะรีอะฮ์
3) ให้คำแนะนำหรือออกแนวทางว่ากองทุนหุ้นชะรีอะฮ์จะสามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักชะรีอะฮ์ได้อย่างไรบ้าง
สัดส่วนการลงทุนในปัจจุบัน (July 2025)
ประเทศ/ภูมิภาค
1.US 67.9%
2.Japan 6.8%
3.France 5.0%
4.Canada 3.7%
5.Others 16.6%
กลุ่มอุตสาหกรรม
1.Information Technology 38.7%
2.Industrials 14.3%
3.Health Care 12.9%
4.Energy 10.6%
5.Others 23.5%
Top Holdings
1.Microsoft Corp 16.9%
2.Tesla Inc 4.6%
3.Exxon Mobil Corp 2.5%
4.Johnson & Johnson 2.0%
5.Procter & Gamble 1.8%
ผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 10 ปี (July 2025)
กองทุนหลัก (ISDW) มีผลตอบแทนรวม 118% หรือเฉลี่ย 8.1% ต่อปี
กองทุนหุ้นโลก (ACWI) มีผลตอบแทนรวม 164% หรือเฉลี่ย 10.2% ต่อปี
Source: Morningstar as of 31 Jul 2025
นอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นทั่วโลกตามหลักชะรีอะฮ์แล้ว ปัจจุบันกองทุนรวมไทยปัจจุบันที่มีการลงทุนตามหลักชะรีอะฮ์ได้แก่
1. กองทุนหุ้นไทย: กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีอิสลามิกหุ้นระยะยาว (MIFMF) ที่มีนโยบายการลงทุนเชิงรุกที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยซึ่งผ่านเกณฑ์การคัดเลือกตามหลักศาสนาอิสลาม โดยพยายามที่จะเอาชนะดัชนีชี้วัด FTSE SET Shariah Total Return Index
2. กองทุนตราสารหนี้โลก: กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล ศุกูก (M-SUKUK) ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AZ Multi Asset MAMG Global Sukuk Fund โดยมีนโยบายที่เน้นลงทุนในตราสารศุกูก รวมถึงหลักทรัพย์ภาครัฐ เอกชน และสถาบันการเงินระหว่างประเทศ หลักทรัพย์ของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และหลักทรัพย์แปลงสภาพ ที่สอดคล้องตามหลักชะรีอะฮ์
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์
