สรุปสาระสำคัญ
บทสรุป
- กลุ่มธนาคารใหญ่มีกำไรเติบโตโดดเด่นกว่าคาดการณ์ หนุนจากธุรกิจตลาดทุนเป็นหลัก โดยรวมโต 17% YoY
- Goldman Sachs โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ โดยมีรายได้จากการเทรดหุ้นโต 36% YoY สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- แม้ภาพรวมกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก ไม่ได้แย่ แต่กลุ่มธนาคารเล็กมีปัญหาด้านสินเชื่ออสังหาฯ เชิงพาณิชย์ (CRE) ซึ่งมีสัดส่วนสูงในพอร์ตสินเชื่อนั้นชะลอตัวลง และควบคุมต้นทุนได้ไม่ดี
- หากเปรียบเทียบกันแล้ว เราชอบธนาคารใหญ่มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1) การเติบโตสินเชื่อที่สูงกว่าราว 10% ในขณะที่สินเชื่อกลุ่มธนาคารเล็กโตเพียง 1% - 3%
2) ค่าใช้จ่ายกลุ่มธนาคารเล็กสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์
3) อัตราส่วนเงินกองทุน (CET1 และ Tier 1 Capital ratio ) ที่เยอะกว่ากลุ่มธนาคารขนาดเล็ก
4) มีสัดส่วนรายได้ตลาดทุนมากกว่าธนาคารขนาดเล็ก
5) แนวโน้มอสังหาฯ ไม่แน่นอนจากกำลังซื้ออ่อนแอ ซึ่งจะกระทบกลุ่มธนาคารขนาดเล็กที่มีสัดส่วนสินเชื่อ CRE สูง
- เรายังชอบธนาคารขนาดใหญ่ที่สัดส่วนรายได้จากตลาดทุนสูง เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มรายได้ตลาดทุนยังคงดีอยู่ในระยะข้างหน้า จาก1) การควบรวมกลุ่มเทคฯ 2) Sentiment ตลาดหุ้นที่ยังดีอยู่ รวมถึงมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงอย่าง GS MS JPM
งบกลุ่มธนาคารใหญ่ JPM GS C WFC BAC MS ออกมาดีกว่าคาดและมีกำไรเติบโตเด่นหนุนจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนอย่าง IB, Wealth, Trading ซึ่งในภาพรวมออกมาดีกว่ากลุ่มธนาคารเล็กทุกมิติหลังกลุ่มธนาคารเล็กมีแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นผลกระทบจากตลาดอสังฯและสินเชื่อที่ชะลอตัว รวมถึง NII ที่มีแนวโน้มลดลง และมี Efficiency Tier1-ratio น้อยกว่าธนาคารใหญ่
ผลประกอบการไตรมาสสองกลุ่มธนาคารใหญ่ออกมาดีกว่าคาด... หนุนโดยรายได้ตลาดทุนเป็นหลัก
งบกลุ่มธนาคารใหญ่ JPM GS C WFC BAC MS ออกมาดีกว่าคาดและมีกำไรเติบโตเด่นหนุนจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนอย่าง IB, Wealth, Trading โต 17% YoY ซึ่งในภาพรวมออกมาดีกว่ากลุ่มธนาคารเล็ก โดยการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มธนาคารเล็กเติบโตต่ำกว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และมีปัญหาด้านการควบคุมต้นทุน รวมถึงไปการชะลอตัวสินเชื่อในภาคอสังหาฯ (CRE)
มุมมองของ InnovestX
- ภาพรวมงบธนาคารใหญ่มีแรงหนุนจากกลุ่มที่เกี่ยวกับตลาดทุน โดย 1) GS มีรายได้จากการเทรดหุ้นโต 36% YoY สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2) MS มีรายได้จากการเทรดหุ้นโต 23% YoY 3) JPM มีรายได้จากการเทรด FICC โต 18% YoY รวมถึงปรับเพิ่ม NII สำหรับทั้งปี 4) C มีรายได้จากการเทรด FICC โต 20% YoY รวมถึงประกาศซื้อหุ้นคืนอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 5) BAC ประกาศ เพิ่มเงินปันผลรายไตรมาส และไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิ (senior notes) จำนวนมาก 6) อย่างไรก็ตาม WFC รายได้จากการเทรดหุ้นลดลง 31% YoY และปรับลดแนวโน้ม NII สำหรับทั้งปี
- ในทางตรงกันข้าม กลุ่มธนาคารขนาดเล็กแม้ในภาพรวมงบจะไม่ได้แย่ แต่อย่างไรก็ดียังคงมีความเปราะบางในบางส่วน เช่น 1) สินเชื่อ CRE (ประมาณ 30% ของพอร์ต) ชะลอตัว เราประเมิน สินเชื่อดังกล่าวจะเป็นตัวฉุดการเติบโตสินเชื่อในระยะข้างหน้า เนื่องจาก ภาคอสังหาฯ ยังมีความเปราะบางจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ 2) ประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนไม่ดีตามที่คาด โดย STT, BK, PNC ค่าใช่จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 12% YoY, 4% YoY, 4% YoY ตามลำดับ
- หากเทียบกัน เราประเมินได้ว่ากลุ่มธนาคารใหญ่น่าสนใจกว่ากลุ่มธนาคารเล็ก 1) การปล่อยสินเชื่อของกลุ่มธนาคารขนาดเล็กเติบโตเพียงเล็กน้อยราว 1% YoY - 3% YoY ต่ำกว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่โตเฉลี่ย 10% YoY 2) แม้ค่าใช้จ่ายธนาคารใหญ่จะปรับขึ้นมากกว่าธนาคารเล็ก แต่กลุ่มธนาคารเล็กมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคาดสวนทางธนาคารใหญ่ที่น้อยกว่าคาด 3) CET1 และ Tier 1 Capital ratio ของธนาคารใหญ่มากกว่าสะท้อนความมั่นคงของกลุ่ม แต่อย่างไรก็ดีในภาพรวมที่มีสัดส่วนสำรองสูงพอกันทำให้ภาพผลกระทบไม่ได้มีผลมาก 4) สัดส่วนธุรกิจ Capital market เช่น IB, Wealth, Trading ในกลุ่มธนาคารใหญ่มีสัดส่วนมากกว่าธนาคารขนาดเล็ก 5) แม้ WFC เผย Provision for Credit loss ในอสังหาฯ ปรับตัวลดลง แต่เรายังประเมินกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังมีความไม่แน่นอน จากผลกระทบของ Tariff ที่จะกัดกร่อนกำลังซื้อผู้บริโภค ทำให้อุปสงค์สินเชื่ออสังหาฯ ลดลงในระยะข้างหน้า แนะนำหลีกเลี่ยง ธนาคารขนาดเล็ก เนื่องจาก มีสัดส่วนสินเชื่ออสังหาฯ ที่สูง
- เรายังชอบธนาคารขนาดใหญ่ที่สัดส่วนรายได้จากตลาดทุนสูง เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มรายได้ตลาดทุนยังคงดีอยู่ในระยะข้างหน้า จาก 1) การควบรวมกลุ่มเทคฯ 2) Sentiment ตลาดหุ้นที่ยังดีอยู่ รวมถึงมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงอย่าง GS MS JPM