1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรปทำสถิติสูงสุดใหม่ ทองคำพุ่งแรงจากความหวัง Fed ลดดอกเบี้ย
2. IMF มองเศรษฐกิจโลกแข็งแกร่งกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
3. Macron เตรียมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตลาดหุ้นฝรั่งเศสฟื้นตัวราว 1.1%
4. บริษัทเอกชนญี่ปุ่นคาดหวังรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาการเติบโตของเศรษฐกิจ และลดค่าครองชีพ
5. อิสราเอลและฮามาสลงนามข้อตกลงขั้นแรกเพื่อยุติสงคราม
6. กนง. ไทย คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% แต่เสียงแตก 5 ต่อ 2
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
09 October 2025
1. ดัชนีหุ้นหลักในสหรัฐฯ และยุโรปปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ โดย S&P 500 และ Nasdaq ปิด All-time high ขณะที่ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือ $4,000/oz จากความคาดหวังเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจาก Government shutdown และข้อมูลเศรษฐกิจที่ขาดหาย ด้านเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่กุมภาพันธ์ หลังตลาดคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่น ส่วนยูโรอ่อนค่าจากความไม่แน่นอนทางการเมืองฝรั่งเศส ราคาน้ำมันและบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ขยับขึ้นเล็กน้อย นักลงทุนยังจับตาการประชุมเฟดปลายเดือนนี้
2. ผู้อำนวยการ IMF (Kristalina Georgieva) กล่าวในการประชุมที่ Milken Institute ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2025 มีความแข็งแกร่งกว่าที่เคยวิตก แม้จะเผชิญแรงกดดันจากภาวะหลายด้าน เช่น สงครามการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ อัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น และความยืดหยุ่นของตลาดแรงงานจาก AI อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่าความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับสูง โดย IMF ปรับคาดการณ์ GDP โลกปี 2025 ขึ้นเป็น 3% และปี 2026 เป็น 3.1% ขณะที่ผลกระทบของภาษีศุลกากรสหรัฐฯ รุนแรงน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ ในขณะที่ตลาดการเงินโลกเผชิญอุปสรรคจากการเก็งกำไร AI และความเสี่ยงฟองสบู่ในหุ้น นอกจากนี้ ทองคำถูกถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น สะท้อนความกังวลของนักลงทุนทั่วโลก
3. ประธานาธิบดี Emmanuel Macron จะประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ภายใน 48 ชั่วโมง หลัง Sebastien Lecornu นายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในรอบ 2 ปีลาออกจากตำแหน่งเพราะแรงกดดันทางการเมืองและความขัดแย้งในรัฐสภา ซึ่งไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมาก สถานการณ์นี้สร้างความกังวลต่อตลาดการเงิน โดย CAC 40 Index ฟื้นตัวขึ้น 1.1% หลัง Lecornu แสดงความหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงงบประมาณปี 2026 ได้ แม้ฝ่ายค้านและกลุ่มซ้ายเรียกร้องให้ Macron ลาออกหรือจัดเลือกตั้งใหม่
4. จากผลสำรวจของ Reuters เกี่ยวกับภาคธุรกิจญี่ปุ่นตั้งความหวังกับรัฐบาลใหม่ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งภายในเดือนนี้ ว่าจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยผู้นำพรรค LDP คนใหม่ ซาเนะ ทาคาอิจิ ซึ่งถูกจับตามองในฐานะผู้นำสายพิราบ (Dovish) ได้ให้คำมั่นจะผลักดันการลงทุนด้านเทคโนโลยี AI เซมิคอนดักเตอร์ และแบตเตอรี่รุ่นใหม่ พร้อมทั้งอาจพิจารณาลดภาษีน้ำมันเพื่อลดภาระค่าครองชีพ จากผลสำรวจดังกล่าว พบว่าบริษัทเอกชนมีความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่นี้ในหลายด้าน ได้แก่ ร้อยละ 56 ต้องการให้รัฐบาลวางยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ร้อยละ 54 อยากเห็นมาตรการรับมือกับปัญหาราคาสินค้าสูงขึ้น และร้อยละ 21 ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมบทบาทด้านความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศของชาติ
5. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าทั้งอิสราเอลและฮามาสได้ลงนามในขั้นแรกของข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามในกาซ่าซึ่งดำเนินมา 2 ปี โดยสาระสำคัญของข้อตกลงคือการปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด, การถอนกำลังทหารอิสราเอลออกจากพื้นที่ที่ตกลงกัน, แลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างสองฝ่าย และเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รายละเอียดขั้นตอนต่อไป เช่น การปลดอาวุธฮามาสและโครงสร้างการปกครองของกาซ่ายังต้องเจรจาต่อไป ในขณะที่ข้อตกลงนี้สร้างความหวังต่อสันติภาพ อาจกดดันราคาหุ้นในกลุ่มบริษัทด้านความมั่นคง ราคาน้ำมันและทองคำ
6. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยกรรมการเสียงข้างน้อย 2 ท่านเห็นควรลดดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง กนง. ระบุว่าผลของการลดดอกเบี้ยรอบก่อนยังอยู่ระหว่างการส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจจริง และมองว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังอยู่ในระดับผ่อนคลายเพียงพอ ขณะที่กรรมการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ “จังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายภายใต้ขีดความสามารถ (policy space) ที่จำกัด” เพื่อรักษาความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายในอนาคต
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Initial Jobless Claims ของสหรัฐฯ คาดการณ์ที่ 2.23 แสนตำแหน่ง ก่อนหน้าที่ 2.18 แสนตำแหน่ง