
1. หุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรงรับสัญญาณยุติชัตดาวน์ – เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยต่อ
2. วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมโหวตร่างงบชั่วคราวเปิดรัฐบาลภายในสัปดาห์นี้
3. สหรัฐฯ–จีน ระงับข้อพิพาทเดินเรือ–ยกเว้นค่าธรรมเนียมท่าเรือ 1 ปี
4. บันทึกประชุม BOJ ชี้โอกาสขึ้นดอกเบี้ยเดือนธันวาคม
5. ทากาอิชิเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก มุ่งลงทุนใน 17 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์
6. ครม. เศรษฐกิจไทยจะเสนอ ครม. ชุดใหญ่เพื่ออนุมัติโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพิ่มเติม
7. กระทรวงการคลังไทยเดินหน้าทบทวนการจัดทำแผนการคลังระยะปานกลาง
Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
11 November 2025
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรงหลังวุฒิสภามีความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายเพื่อยุติ government shutdown ที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนี S&P 500 พุ่ง 1.5% แตะระดับ 6,800 จุด, Nasdaq 100 +2.2%, และ Dow Jones +0.8% โดยหุ้นเมกะแคปดีดแรงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีขยับขึ้นสู่ 4.11% นักลงทุนมองว่าการเปิดรัฐบาลจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นและการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้า ซึ่งอาจหนุนโอกาส เฟดลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม นักวิเคราะห์จาก UBS และ Morgan Stanley มองว่าการผสมผสานระหว่าง “เฟดผ่อนคลาย + กำไรบริษัทแข็งแกร่ง” จะหนุนตลาดสู่การเติบโตต่อในปี 2026
2. รัฐบาลสหรัฐฯ ใกล้ยุติการปิดทำการที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยวุฒิสภาจะเริ่มพิจารณาข้อตกลงร่วมกับกลุ่มเดโมแครตสายกลางในวันจันทร์ ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรเตรียมลงมติภายใน 36 ชั่วโมงหลังร่างผ่านสภาสูง ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลจะได้รับงบประมาณเต็มปีสำหรับกระทรวงเกษตร กิจการทหารผ่านศึก และสภาคองเกรส ส่วนหน่วยงานอื่นได้รับงบชั่วคราวถึงวันที่ 30 มกราคม อย่างไรก็ดี สมาชิกเดโมแครตบางส่วนไม่พอใจที่ร่างงบไม่รวมการขยายสิทธิสวัสดิการภายใต้ Affordable Care Act (Obamacare) โดยได้เพียงคำมั่นจากพรรครีพับลิกันว่าจะนำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาภายในกลางเดือนธันวาคม
3. สหรัฐฯ และจีน ประกาศระงับการสอบสวนซึ่งกันและกันในภาคการเดินเรือและยกเว้นค่าธรรมเนียมท่าเรือระหว่างสองประเทศเป็นเวลา 1 ปี หลังการประชุมสุดยอดผู้นำทั้งสองชาติ ฝั่งสหรัฐฯ ระงับการสอบสวนอุตสาหกรรมต่อเรือของจีน ขณะที่จีนเลื่อนมาตรการภาษีพิเศษต่อเรือสหรัฐฯ และยุติการคว่ำบาตรต่อบริษัท Hanwha Ocean ของเกาหลีใต้ชั่วคราว นักวิเคราะห์ Jayendu Krishna จาก Drewry Maritime Services ระบุว่าตราบใดที่การระงับยังมีผล ความเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของระบบขนส่งทางทะเลทั่วโลกก็ลดลง นับเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
4. บันทึกสรุปการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เดือนตุลาคมระบุว่า เงื่อนไขสำหรับ “การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปเกือบครบถ้วนแล้ว” โดยหนึ่งในเก้ากรรมการกล่าวว่า BOJ อาจพร้อม “ยกเลิกนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติม” ภายในสิ้นปี หากข้อมูลเงินเฟ้อพื้นฐานและแนวโน้มการขึ้นค่าจ้างยังแข็งแกร่ง การประชุมครั้งดังกล่าวมีมติ 7 ต่อ 2 ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ขณะที่ตลาดคาดว่า BOJ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่เกินเดือนมกราคม ผู้ว่าการ คาซูโอะ อูเอดะ ย้ำว่าการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับผลของการเจรจาค่าแรงรอบใหม่
5. นายกฯ ญี่ปุ่น ซาเนะเอะ ทากาอิชิ เตรียมเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรก เพื่อจุดประกายยุทธศาสตร์การเติบโตใหม่ผ่านการลงทุนในอุตสาหกรรมสำคัญ 17 สาขา อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ อุตสาหกรรมต่อเรือ กลาโหม และแร่ธาตุสำคัญ เป็นต้น รัฐบาลมีเป้าหมายสร้างวงจรเศรษฐกิจเชิงบวก ด้วยการเพิ่มรายได้ ปรับปรุงความเชื่อมั่นผู้บริโภค และขยายฐานภาษีโดยไม่ต้องขึ้นภาษี ทากาอิชิยังส่งสัญญาณนโยบายการคลังแบบขยายตัว พร้อมเรียกร้อง ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้าน มิโนรุ คิอุจิ รัฐมนตรีด้านยุทธศาสตร์การเติบโต ย้ำว่ารัฐบาลจะเร่งสร้างสภาพแวดล้อมให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเร็วกว่าเงินเฟ้อ โดยคาดว่ามาตรการช่วยค่าครองชีพ เช่น ลดค่าน้ำมันและค่าไฟ จะเริ่มปลายปีนี้
6. ที่ประชุม ครม. เศรษฐกิจไทยจะเสนอ ครม. ชุดใหญ่เพื่ออนุมัติโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพิ่มเติมสำหรับร้านค้าที่ผ่านการอบรมเพิ่มทักษะการขายออนไลน์ในอัตรา 20% ของยอดขาย แต่ไม่เกิน 2,000 บาท โดยจะจำกัดสิทธิ์สำหรับ 4 แสนรายแรกเท่านั้น จากร้านค้าทั้งหมดที่เข้าร่วม 9 แสนราย รัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 25 ธ.ค. 2568
7. กระทรวงการคลังไทยเดินหน้าทบทวนการจัดทำแผนการคลังระยะปานกลาง เช่น การควบคุมการขาดดุลงบฯ ที่ 3% ต่อ GDP จากปัจจุบันที่ระดับ 4% และจัดทำแผนปฏิรูปรายได้ควบคู่กัน ตั้งเป้าที่ 17-18% ต่อ GDP จากปัจจุบันที่ระดับ 14% เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจาก นลท. และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คาดประกาศได้ภายใน พ.ย. 2568
ประเด็นที่ต้องติดตาม: Unemployment Rate ของสหราชอาณาจักร เดือน ก.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 4.8% จากก่อนหน้าที่ 4.8% และ ZEW Economic Sentiment Index ของเยอรมนี เดือน พ.ย. คาดว่าจะออกมาที่ 41.5 จากก่อนหน้าที่ 39.3