Bites for Breakfast

Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 18 พ.ย. 2568

18 Nov 25 7:30 AM
Bites-Thumbnail-01
สรุปสาระสำคัญ

1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง นักลงทุนจับตาตัวเลขตลาดแรงงาน และ ผลการดำเนินงาน Nvidia
2. Christopher Waller สนับสนุนการลดดอกเบี้ย ชี้บริษัทสหรัฐฯ เริ่มวางแผน Layoff เพิ่มขึ้น 
3. ทรัมป์พร้อมสนับสนุนร่างกฎหมายคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อลงโทษประเทศที่ทำธุรกิจกับรัสเซีย
4. ข้อพิพาทญี่ปุ่น-จีนเรื่องไต้หวันกระทบหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีกของญี่ปุ่น
5. Hyperscalers มุ่งพัฒนาชิปของตัวเอง (Custom chip) ทดแทนการใช้ Nvidia
6. Amazon ออกตราสารหนี้มูลค่า $15 พันล้านครั้งแรกในรอบ 3 ปี เพื่อลงทุน AI
7. GDP ไทยไตรมาสที่ 3/2025 เติบโตเพียง 1.2% YoY คาดทั้งปี 2025 เติบโตที่ 2.0% YoY

Bites for Breakfast
By INVX Investment Products & Strategy
18 November 2025


1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงโดย S&P 500 ลดลง -0.92% และ Nasdaq ลดลง -0.84% เป็นผลจากนักลงทุนที่รอการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย. ซึ่งถูกเลื่อนเนื่องจากเกิดภาวะ Government Shutdown นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับทิศทางรายงานผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งจะรายงานในวันพุธนี้ เพื่อติดตามความแข็งแกร่งของธุรกิจ AI และอาจเป็นจุดตัดสินทิศทางตลาดเทคโนโลยีในไตรมาสถัดไป นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ธ.ค.


2. Christopher Waller ผู้ว่าการเฟดเปิดเผยว่าบริษัทในสหรัฐฯ เริ่มพูดคุยและวางแผนปลดพนักงาน (Layoff) มากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงสัญญาณชะลอตัวของตลาดแรงงาน โดยก่อนหน้านี้บริษัทส่วนใหญ่ยังอยู่ในโหมด "no hire, no fire" แต่ปัจจุบันเริ่มเตรียมแผนปลดพนักงานมากขึ้น ปัจจัยนี้สนับสนุนแนวโน้มที่เฟด อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนหน้า เพื่อรับมือกับความเสี่ยงเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง


3. ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงจุดยืนพร้อมลงนามในร่างกฎหมายคว่ำบาตร (Russia sanctions) ที่จะลงโทษประเทศที่ทำธุรกิจกับรัสเซีย โดยมีเงื่อนไขว่าต้องคงอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายไว้ที่ประธานาธิบดี ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวเสนอโดยสมาชิกสภาจากพรรค Republican และอาจรวมประเทศอิหร่านเข้าไปด้วย ทรัมป์เคยชะลอการผลักดันกฎหมายนี้ โดยเลือกใช้มาตรการขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากอินเดียแทน ซึ่งอินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียรายใหญ่ รองจากจีน รัฐบาลสหรัฐฯ ยังยืนยันว่าต้องการให้กฎหมายเปิดทางให้ประธานาธิบดีเป็นผู้ตัดสินใจหลักเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ


4. ญี่ปุ่นพยายามลดความตึงเครียดกับจีนหลังเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับไต้หวัน โดยจีนเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเดินทางไปญี่ปุ่น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก เช่น Isetan Mitsukoshi และ Japan Airlines ปรับตัวลงแรง นักวิเคราะห์จาก Nomura Research เตือนว่าหากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง 25% เหมือนปี 2012 จะกระทบ GDP ญี่ปุ่นเกินครึ่งของอัตราเติบโตประจำปี ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันนโยบาย Security Policy ไม่เปลี่ยนแปลง และเรียกร้องให้จีนใช้ความอดทนเพื่อรักษาเสถียรภาพภูมิภาค


5. การเติบโตของ AI ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Alphabet, Amazon, Microsoft และ Meta หันมาพัฒนาชิปของตัวเอง (custom chips) หรือ ASICs เพื่อใช้ในระบบคลาวด์ และการประมวลผล AI แทนการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด GPU และมีราคาสูง แม้ custom chips จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มการควบคุม hardware แต่ยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพการประมวลผลและการใช้พลังงานเมื่อเทียบกับ GPU ของ Nvidia เช่น Blackwell GPUs ที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า อย่างไรก็ตาม  ASICs อาจคุ้มค่าในระยะยาว โดย Broadcom, TSMC และ MediaTek เป็นผู้ผลิตหลักใน ecosystem นี้


6. Amazon เตรียมออกตราสารหนี้มูลค่า $15 พันล้าน เพื่อระดมทุนขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI (AI infrastructure) ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยดีมานด์สูงถึง $80 พันล้าน เงินที่ได้จะใช้สำหรับ acquisition, capital expenditure และ share buyback ขณะที่ Meta เพิ่งประกาศออกตราสารหนี้ใหญ่สุด $30 พันล้าน และ Oracle ก็เตรียมออกตราสารหนี้ $15 พันล้านเช่นกัน Morgan Stanley คาดบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะใช้จ่าย $400 พันล้านกับ AI infrastructure ปีนี้ โดย Amazon มีเงินลงทุนด้าน AI ราว $125 พันล้าน และเพิ่งดีล $38 พันล้านกับ OpenAI 


7. เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2025  มีอัตราการขยายตัวของ GDP เพียง 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งถือว่าเติบโตชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า (2Q2025) ที่เติบโต 2.8% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ที่ 1.0% ผลสำคัญคือการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการที่ชะลอลง ขณะที่การคาดการณ์ GDP ทั้งปี 2025 จะเติบโตที่ระดับ 2.0% YoY จากแรงหนุนด้านการส่งออกและผลกระทบทางภาษีศุลกากรที่น้อยกว่าคาดเดิม 


ประเด็นที่ต้องติดตาม: US Factory Order เดือน ส.ค. คาดการณ์ที่ 1.4% ก่อนหน้าที่ -1.3%

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5