- - ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นต่อจากความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเช่นการขอรับสวัสดิการว่างงาน การจ้างงานใหม่และภาคบริการออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ทำให้ตลาดเพิ่มนำหนักในการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. 2024 เพิ่มขึ้น
-
- - กระแสเงินในวันที่ 2 ก.ค. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน มีแรงซื้อในตราสารหนี้คุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น 2) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นโลกจากภาพของการลดดอกเบี้ยและเศรษฐกิจที่ไม่แย่อย่างที่กังวล 3) มีแรงซื้อในกลุ่มการเงินจากผล Stress test ของธนาคารสหรัฐและ Sentiment ของ ปธน.ทรัมป์ที่จะแก้กฎหมายมากขึ้น 4) ตลาดหุ้นจีนและเอเชียและ EM มีแรงขายจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้าและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา 5) มีแรงขายในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากท่าทีของ BOJ ที่จะดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น 6) มีแรงซื้อในกลุ่มเทคโนโลยีและ Semiconductor หลังจากราคาหุ้นย่อตัวลง
-
- - รายงานการประชุม Fed เดือนมิถุนายนมีท่าทีผ่อนคลายกว่าที่คาดไว้จาก Dot Plot:คณะกรรมการดูเหมือนจะเคลื่อนเข้าใกล้การผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น แม้ว่ายังไม่ถึงจุดตัดสินใจ โดยคณะกรรมาการส่วนใหญ่เห็นว่า 1) การเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังค่อยๆ ชะลอตัวลง 2) มีความกังวลว่าการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นหากอุปสงค์อ่อนแอลง 3) เห็นความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ แนวโน้มนโยบายในอนาคต: เรามองว่าธนาคารกลางสหรัฐเริ่มประเมิน Downside จากตลาดแรงงานและความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงที่เงินเฟ้อชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้น้ำหนักในการปรับลดดอกเบี้ยมีเพิ่มขึ้นใน 2H24 ขณะที่หากดูภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในระยะสั้นเราแนะมองกลุ่มสินค้าจำเป็นที่ยังคงมีแรงซื้อ WMT COST และเทคฯที่มีแนวโน้มดี AMZN GOOGL MSFT AAPL
-
- - ยอดส่งมอบรถยนต์ Tesla อยู่ที่ 443,956 คัน, ประมาณการ 439,302 คัน (ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน) ในขณะที่ BYD เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน, Li Auto เพิ่มขึ้น 47%, Rivian เพิ่มขึ้น 9%, Nio เพิ่มขึ้น 98% การที่ Tesla ทำยอดส่งมอบในไตรมาส 2 ได้ดีกว่าคาดเล็กน้อยอาจเชื่อมโยงกับการเข้าสู่ตลาดใหม่ เช่น เกาหลีใต้ ในขณะที่ตลาดหลักในอเมริกาเหนือและยุโรปเผชิญกับการลดลงสองหลักในปี 2024 จนถึงขณะนี้อัตราการเติบโตของยอดขายปลีกในจีนทำได้ดีกว่าตลาดสหรัฐฯ และยุโรป แต่ยังคงลดลงประมาณ 3% YoY เราเชื่อว่ายอดขายที่ดีขึ้นส่วนนี้สมควรได้รับการฟื้นตัวในระยะสั้น ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูกาลที่มียอดขายต่ำตามปกติในกลางเดือนกรกฎาคม แรงกดดันด้านอัตรากำไรเป็นความเสี่ยงสำคัญสำหรับผลประกอบการใน 2Q24 เรามองว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรงเกินไปในระยะสั้น อาจจะมีแรงย่อลงมาแถว US$200-220 มองว่าเป็นจังหวะซื้อเพื่อแต้มต่อในการลงทุนที่เยอะขึ้นและคาดหวังว่าผลประกอบการใน 2H24 จะดีกว่า 1H24 และมีประเด็น Robotaxi, xAI, Cybertruck เป็นตัวสนับสนุนหลัก
|