- ตลาดหุ้นทั่วโลกทรงตัวในภาพรวมหลังวานนี้ตลาดสหรัฐฯปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน ขณะที่ตลาดจีนยังคงมีการออกมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง แต่ภาพความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
- กระแสเงินในวันที่ 30 ส.ค. 2024 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) มีแรงซื้อในโลหะมีค่าจากค่าเงินอ่อนค่าและปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ 3) กระแสเงินในกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มผันผวน มองเป็นแรงขายทำกำไรหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงแต่ปริมาณเงินไม่สูงมากนัก 4) กระแสเงินในตลาด EM มีแรงซื้อต่อเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า 5) มีแรงซื้อในหุ้นขนาดเล็กทั้งนี้เป็นผลของตลาดที่ฟื้นตัวหลังปรับตัวลดลงแรงก่อนหน้านี้และทิศทางดอกเบี้ยที่ลดลง 6) กระแสเงินในตลาดหุ้นจีนผันผวน ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีเงินไหลออกจากจากค่าเงินเยนที่มีแนวโน้มแข็งค่า 7) กลุ่ม Materials และสินค้าอุตฯ รวมถึงพลังงานมีแรงขายกังวลกับภาพ ศก
- เดือนกันยายนเป็นเดือนที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งในภาพรวมตลาดส่วนใหญ่และกลุ่มอุตสาหกรรมให้ผลตอบแทนติดลบ ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น สาเหตุหลักมาจาก 1) ผู้จัดการกองทุนมักจะปรับพอร์ตการลงทุนหลังวันแรงงาน (Labor Day) 2) มีการปรับแต่งพอร์ตก่อนสิ้นไตรมาส อย่างไรก็ดีปัจจัยต่างๆ ในปีนี้อาจส่งผลให้ภาพแตกต่าง เช่น การเปิดตัว iPhone16, การลดดอกเบี้ย อาจพยุงตลาดได้
- จีนได้เผยจะตอบโต้ทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงหากญี่ปุ่นยังคงดำเนินมาตรการจำกัดการขายและการให้บริการอุปกรณ์การผลิตชิปให้กับบริษัทจีน ซึ่งภาพรวมการตอบโต้นี้อาจนำไปสู่ 1) ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าระหว่างจีนและญี่ปุ่น 2) ระมัดระวังกลุ่มชิปญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนรายได้ในจีน 3) ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่อาจขาดแคลนได้ในระยะสั้น รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัทในประเทศ เช่น Toyota
- ยอดขายกลุ่ม EV ขนาดใหญ่ในจีนเพิ่มขึ้นสวนทางบริษัทขนาดเล็กที่หดตัวใน ส.ค. หลังภาพรวมมีแรงหนุนหลักจากการเพิ่มเงินอุดหนุนของทางการจีน ขณะที่ภาพรวมอุตฯยังคงมีความเสี่ยงหลักจาก 1) อุปสงค์ที่ชะลอตัว 2) การแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งทำให้เราประเมินการฟื้นตัวของยอดขายเป็นภาพระยะสั้น ซึ่งหากต้องการลงทุนจริงเรามองว่าผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มแรกที่แรงกดดันจำกัด โดยเราชอบ BYD Tesla
- PMI การผลิตจีนยังชะลอตัวซึ่งเพิ่มความหวังว่า รัฐบาลจีนจะมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปที่ภาคครัวเรือนมากขึ้น ส่วนการส่งออกชิปเกาหลีใต้ยังแกร่ง ด้วยภาพการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่งของเกาหลีใตที่ยังคงแข็งแกร่ง ยังคงเป็นการยินยันว่าความต้องการในส่วนของชิป AI แนวโน้มการเติบโตใน 3Q24 ยังมีภาพที่ดีต่อเนื่อง โดยเรายังชอบผู้ที่มีปัจจัยพื้นฐานยังดีอย่าง TSMC, NVDA, AMD, ARM
- จีนกำลังพิจารณาอนุญาตให้เจ้าของบ้านรีไฟแนนซ์เงินกู้จำนองมูลค่ารวมสูงถึง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมให้กับหลายล้านครัวเรือนและกระตุ้นการบริโภค จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของธนาคารเรามีมุมมองว่าผลประกอบการของกลุ่มธนาคารจีนยังคงถูกกดดัน ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้นเป็น Xiaomi, Haier Smart home, Trip.com
- อุตสาหกรรม Solar จีนอาจกำลังใกล้ถึงจุดกลับตัวอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวเพื่อกลับมาสร้างฐานอีกครั้ง ทั้งนี้เมื่อตลาดในจีนเริ่มดีขึ้นจะทำให้ตลาดในสหรัฐฯ ฟื้นตัวเช่นกัน และผลของการที่สหรัฐฯ มีการขึ้นภาษีนำเข้า Solar จากจีนจะส่งผลในผู้เล่นในสหรัฐฯ มีภาพการแข่งขันที่ดีกว่าแต่การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้อาจมองเป็นการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มนี้บนการ Turnaround ในช่วง 4Q24 ถึง 1Q25
- วิกฤตในทะเลแดง ทำให้อัตราค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นช่วยสนับสนุนกำไรของบริษัทกลุ่ม Shipping อย่างเช่น COSCO และ Maersk อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นของอัตราค่าระวาง ไม่ใช่ปริมาณขาย ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการเพิ่มขึ้นของ Supply ทำให้เรามีความระมัดระวังต่อหุ้นกลุ่ม Shipping ในระยะถัด จนกว่าภาพเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น
- ภาพตลาดที่ผันผวนในระยะสั้น ทำให้เราแนะนำหุ้นที่มีความผันผวนต่ำอย่าง COST ($900.0) รวมถึงแนะเก็งกำไร Zscaler ($240) ที่คาดงบดีจากในทิศทางเดียวกับกลุ่ม Cybersecurity ที่ออกมาในช่วงก่อน
|