ยังอยู่ในช่วงรีบาวด์ | |||||||||||||||
SET กลับมายืนบริเวณ 1300 จุด อีกครั้ง สร้างสัญญาณบวก และแรงเก็งกำไรผลประกอบการใน Q2/67 จากกลุ่มแบงก์ คาดเป็นปัจจัยหนุนตลาด ทำให้คาดดัชนียังอยู่ในช่วงรีบาวด์ โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1310 และ 1325 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่บริเวณ 1280-1290 จุด ยังรองรับได้ | |||||||||||||||
ประเด็นสำคัญ | |||||||||||||||
• Exit Poll ของอังกฤษระบุว่า การเลือกตั้งรัฐสภาอังกฤษมีแนวโน้มที่พรรคแรงงานซึ่งนำโดยนายเคียร์ สตาร์เมอร์ จะได้ 410 ที่นั่ง ครองเสียงข้างมากในรัฐสภา ขณะที่พรรคอนุรักษนิยมที่ครองอำนาจมา 14 ปีซึ่งนำโดยนายริชี ซูนัค จะได้เพียง 131 ที่นั่ง • ผลการสำรวจของ Reuters ระบุ กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจำนวน 1 ใน 3 เชื่อว่า ปธน. ไบเดนควรถอนตัวจากการแข่งขันเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่ง ปธน. สหรัฐ • นายกฯ อิสราเอลระบุได้การอนุมัติให้ส่งคณะตัวแทนเจรจาเข้าร่วมการหารือทำข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันจากกลุ่มฮามาส • ธปท. คาด ศก. ไทยช่วงปี 66-71 จะเติบโตได้ราว 3% ซึ่งเป็นระดับศักยภาพในปัจจุบันและยากที่จะกลับไปเติบโตได้สูงถึง 4-5% เนื่องจาก ศก. ไทยยังฟื้นตัวได้ช้าเมื่อเทียบกับ ปท. อื่น ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างไม่ใช่จากกระตุ้น ศก. • กรมธุรกิจพลังงานระบุการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 5M67 อยู่ที่ 157.13 ล้านลิตร/วัน ลดลง 0.4%YoY โดยเป็นการลดลงของน้ำมันเตา 21.6% ก๊าซเอ็นจีวี 16.6% และน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลง 1.0% | |||||||||||||||
กลยุทธ์การลงทุน | |||||||||||||||
ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ มิ.ย. จีน อียูและสหรัฐฯ ซึ่งคาดจะออกมาทรงตัวถึงขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” | |||||||||||||||
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ | |||||||||||||||
มองตลาดหุ้นไทยยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบแคบ ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศและปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้ 1) หุ้นที่คาดจะได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดีมี ESG Rating ระดับ A-AAA เลือก HANA TOP BEM MINT OSP BBL SCGP AOT 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC CPALL BDMS BBL BEM 3) หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE SCGP TU MINT (ทั้งนี้ KCE SCGP แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ) 4) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP | |||||||||||||||
Daily Top picks | |||||||||||||||
CPALL 2Q67 คาดกำไรปกติและยอดขายสาขาเดิมโต YoY ดีกว่าผู้ประกอบ การรายอื่นในกลุ่มพาณิชย์ มองราคาหุ้น Undervalue ปัจจุบันซื้อขาย PER 67F ระดับ 21.6 เท่า คิดเป็น -2S.D. จากค่าเฉลี่ย PER 10 ปี สวนทางกำไรที่เติบโต คาดกำไรปกติปี 2567 โต 28%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นดีขึ้น ดบ. จ่ายลดลง | |||||||||||||||
บทวิเคราะห์วันนี้ | |||||||||||||||
TU – พรีวิว 2Q67: คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY | |||||||||||||||
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Daily240705_T
|