สวัสดีตอนเช้า - 3 มี.ค. 2568

มีลุ้นฟื้นตัว แต่กรอบการขึ้นยังจำกัด

 

ประเด็นสำคัญ

• การหารือระหว่างปธน. สหรัฐฯ และยูเครนเป็นดำเนินไปอย่างตึงเครียด ปธน. ทรัมป์ขู่จะยกเลิกการสนับสนุนแก่ยูเครนและไม่มีลงนามข้อตกลงแร่ธาตุหายาก ด้าน EU และ UK คงเดินหน้าสนับสนุนแก่ยูเครนต่อ
• จีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิต ก.พ อยู่ที่ 50.2 สูงสุดในรอบ 3 เดือน บ่งชี้ว่าการผลิตจีนกลับมาโตอีกครั้ง แสดงว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผยดัชนี PCE ม.ค.  2568 ปรับขึ้น 2.5%YoY ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ปรับขึ้น 2.6%YoY เป็นไปตามที่ตลาดคาด
• สศอ. เผย MPI ม.ค. 2568  ที่ 98.89 หดตัว 0.85%YoY แต่ขยายตัว 8.7%MoM เป็นสัญญาณเริ่มฟื้นตัว ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 60.38% มีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐฯ เช่น โครงการเงินหมื่น, โครงการคุณสู้เราช่วย และ Easy e-Receipt
• คลังรับข้อเสนอ ตลท. สนับสนุนโครงการ Jump+ หลังพบปัญหา ROE ตลาดลดลงเมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน และเตรียมมาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุน, สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น จะเริ่มโครงการใน พ.ค. และจะคัดเลือก บจ. เข้าร่วมโครงการ 50 บริษัท
• ส.อ.ท. ไม่ทราบกระแสข่าวมาตรการรถเก่าและรถใหม่ว่ามาจากส่วนใด เนื่องจากพูดคุยประเด็นนี้นานแล้วแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป หวั่นทำให้ชะลอการซื้อรถยนต์ แต่หนุนเร่งออกมาตรการให้ บยส. เป็นผู้ค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะภายในเร็วขึ้นภายใน 2 เดือนนี้
• แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเผยคลังเตรียมเสนอ ครม. อนุมัติแปลงกองทุน LTF เป็น ThaiESGX หวังพยุง SET ไม่ให้ร่วงหนัก เผยให้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 5 แสนบาท/ปี หากแจ้งถือครองต่อไปอีก 5 ปี

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ฟื้นตัวจำกัด จากความกังวลเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในระดับต่ำและฟื้นตัวช้าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบในเชิง Valuation จะพบว่า ระดับ PER ของ SET ที่ 12-13 เท่า อาจจะดูเหมือนสูงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค แต่มองว่าสัดส่วนภาคบริการของไทยมีมากกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง แม้จะมีสัญญาณชะลอตัวลงแต่จะได้รับแรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดเช่นเดียวกับธนาคารกลาง ECB ที่ตลาดคาดจะมีมติปรับลดดอกเบี้ย 25bps สู่ 2.50% ส่วนเศรษฐกิจจีนยังได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการของรัฐ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET จะฟื้นตัวจำกัด กังวลปัจจัยในประเทศและสงครามการค้า กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกำไร 1Q68 ที่คาดจะเติบโต YoY และ QoQ และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
2. หุ้น Undervalued เป็นหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรสามารถเติบโตได้ 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (มี PBV < 1 เท่า) 3) Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 2568F ต่ำกว่า -1SD) 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และ 5) SETESG Rating ระดับ A-AAA แนะ-นำ CPALL BDMS MTC MINT BTG
3. หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่อง 20 ปีขึ้นไป และมี SETESG Rating ระดับ A-AAA 2) คาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักปันผลระหว่างกาลแล้ว ยังให้ Div. Yield เกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว  และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง และราคาหุ้นยังมี Upside เกิน 15%  แนะนำ AP KTB BBL PTT SPALI KBANK
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF), กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI), กลุ่มธนาคาร (TISCO KKP),กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มไฟฟ้า (GULF GPSC) และ 2) หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากงาน Opp. Day ซึ่งคาดโทนประชุมเป็นบวกในสัปดาห์หน้า CPALL BCP AMATA KLINIQ

 

Daily top picks

CPALL: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น หลังบริษัทแจ้งไม่ประสงค์จะเข้าร่วมลงทุนในบริษัทค้าปลีก (Seven & i) คาดกำไร 1Q68 แข็งแกร่งต่อเนื่อง เติบโต YoY  จาก SSS และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น อีกทั้งปัจจุบัน ซื้อขาย PER 68F ระดับ 17 เท่าและมี EPS Growth ที่ 16% (น่าสนใจเมื่อเทียบกับ PER 2568F ที่ 18 เท่า และ EPS growth ที่ 12% ของกลุ่มพาณิชย์)

AP: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากอานิสงส์ของการปรับลดดอกเบี้ยลง ปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายเชิงรุกทั้ง Presales และการเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งเรามองจะหนุนกำไรเติบโต 11.6%YoY แตะ 5.6 พันลบ. อีกทั้งยังมีจุดเด่นจ่ายปันผลสูง โดยมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2567 ที่ 0.60 บาท/หุ้น (XD วันที่ 7 พ.ค.  2568) คิดเป็น Div. Yield สูงถึงปีละ 6.7%

 

Expected to recover, but limited

The SET is expected to recover as selling is expected to slow after earnings have been released and portfolio rebalancing has been done, but recovery is limited after failed peace negotiations between US and Ukraine leaders, while tariffs to Canada and Mexico take effect tomorrow. Support is between 1195-1185, while resistance is between 1215-1220.

 

Today’s highlights

• Discussions between the US president and the president of Ukraine were tense. Trump threatened to cancel support for Ukraine and there was no signing of a rare minerals agreement. The EU and UK continue to support Ukraine.
• China Manufacturing PMI in Feb was 50.2, a 3-month high, indicating manufacturing is growing again, suggesting economic stimulus measures are helping support economic recovery.
• US PCE index in Jan 2025 rose 2.5%YoY, while core PCE index increased 2.6%YoY, matching market expectations.
• OIE reported Jan 2025 MPI at 98.89, contracting 0.85%YoY but expanding 8.7%MoM, signaling the beginning of recovery. Capacity utilization rate was 60.38%. Positives include government economic stimulus such as the Bt10,000 handout, "You Fight, We Help" project, and Easy e-Receipt.
• The Ministry of Finance has accepted the SET’s proposal to support the Jump+ project after finding that market ROE is down compared to 10 years ago. It is preparing measures to build confidence in the capital market, including tax benefits. The project will begin in May, with 50 listed companies selected to participate.
• The FTI is unaware of the source of rumors about the measure to exchange old cars for new cars, noting this issue has been discussed for a long time and no conclusion has been reached. It is concerned this might delay car purchases but supports expediting measures for the SBCG to guarantee pickup truck loans within the next two months.
• Sources from the Ministry of Finance reveal plans to convert LTF funds to ThaiESGX, hoping to prevent the SET from falling sharply. Tax deductions of up to Bt500,000 per year would be allowed if holders agree to maintain their investment for another 5 years.

Strategy today

In the short term, recovery is seen to be limited given the domestic political stability concerns and slow GDP growth compared to neighbors. However, in terms of valuation the SET PER is between 12-13x which seems high compared to the region, but at the same time, Thailand has a greater service sector proportion compared to others. The US economy is still strong although there are signs of a slowdown, but the economy is supported by expectation of interest rate cuts by the Fed and ECB, which is expected to cut rates by 25bps to 2.5% this week. China’s economy is still supported by stimulus. Investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

Domestic and trade war concerns are limiting any recovery of the SET. We recommend strategies across three themes with positive individual factors and two short-term trading ideas:

• Earnings plays whose prices do not reflect the profit growth in 1Q25 and are generally dividend payers – ADVANC, TRUE, AMATA, TIDLOR, MTC, AU and HTC.
• Undervalued stocks in SET100 with strong fundamentals that are expected to be targets of mutual funds and have low downside risk due to: 1) YoY profit growth in 2025, 2) strong financial position and possible share buyback, 3) low valuation with PER and PBV 2025F below -1SD, 4) regular dividends and 5) SETESG Ratings of A-AAA – CPALL, BDMS, MTC, MINT and BTG.
• Dividend plays: 1) statistically, have paid dividends for 20 consecutive years and have SETESG Ratings of A-AAA, 2) dividend yield expected at 4% (excluding interim dividend) and payout ratio stable or rising and 3) strong profit in 2025 and upside to price of greater than 15% – AP, KTB, BBL, PTT, SPALI and KBANK.
• Trading idea for risk-takers: 1) stocks benefiting from cyclic downtrend in interest rate – REITS (LHHOTEL, DIF), commerce (CPALL, CPAXT), property (AP, SIRI), banks (TISCO, KKP), leasing (MTC, TIDLOR) and utilities (GULF and GPSC) and 2) stocks benefiting from positive sentiment from Opportunity Day – CPALL, BCP, AMATA, KLINIQ.

Daily top picks

CPALL: CPALL has a short-term catalyst after announcing that it was not joining the Seven & i deal. 1Q25 profit is expected to continue growing YoY from strong SSS and margin. Currently, the stock is trading on a 2025F PER of 17x with EPS growth of 16x, making it interesting vs peer PER and EPS growth of 18x and 12%.

AP: TAP has a catalyst from interest rate cut. In 2025 it has set aggressive presales and new launch targets; we expect profit to grow by 11.6% to Bt5.6bn. The stock is outstanding in terms of a high dividend, paying a DPS on 2024 of Bt0.60 (XD on May 7) or dividend yield of 6.7%.

 

Download PDF Click > Daily250303_E.pdf