สวัสดีตอนเช้า - 23 เม.ย. 2568

คลายความตึงเครียดสงครามการค้า

 

ประเด็นสำคัญ

• IMF ลด GDP โลกปี 2568 จาก 3.3% เหลือ 8% จากผลกระทบนโยบายภาษีสหรัฐ ส่วน GDP สหรัฐลดลงสู่ 1.8%, จีน 4.0%, ยุโรป 0.8% และไทย 1.8% ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย
• รมต. คลังสหรัฐคาดความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า เชื่อจะช่วยผ่อนคลายความกังวลให้ตลาดทั่วโลก
• สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่โดยมุ่งเป้าไปที่เซเอ็ด อาซาดุลลาห์ เอมามจอเมห์ ซึ่งมีเครือข่ายขนส่งก๊าซ LPG และน้ำมันดิบอิหร่านหลายร้อยล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดีตลาดจับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านในวันที่ 26 เม.ย.
• นายกฯ สั่ง มหาดไทย, ตปท. และท่องเที่ยวฯ ศึกษาการปรับมาตรการฟรีวีซ่าให้พำนัก 60 และ 90 วัน หลังพบการทำงานแบบผิด กม. ประเมินว่าจะไม่กระทบต่อการเดินทางเข้าไทย โดยเฉลี่ย นทท. พำนักราว 10 วัน
• รมว. คลัง เผยสาเหตุการเลื่อนเจรจาเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์และศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และได้ส่งทีมล่วงหน้าไปร่วมทำงานกับคณะทำงานของสหรัฐฯ เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันก่อนการเจรจา
• รมช. คลังเผยเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 รับเงินหมื่นก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. คาดบรรจุวาระเข้า ครม. พิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค. ลดลงสู่ 8 จากผลกระทบแผ่นดินไหวซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว, ภาคยานยนต์ชะลอตัว และกำแพงภาษีเหล็ก-อลูมิเนียมที่มีผลแล้ว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะจากจีนและมาเลเซีย

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

‎มอง SET แกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จากกังวลความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ และรอติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY  2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50 : ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100 : BCH BTG
2. หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Rating ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ  BJC CPF AP HMPRO OR
3. Trading Idea :  นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร

 

Daily top picks

BTG : มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกำไรที่ยังแข็งแกร่ง โดย 1Q68 คาดมีกำไรปกติ 1.65 พันลบ. เทียบกับ -126 ลบ. ใน 1Q67 และ +73%QoQ และจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q68 (ทรงตัว/เพิ่มขึ้น QoQ และเพิ่มขึ้น YoY) จากราคาสุกรในประเทศที่สูงขึ้นท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำใน 2Q68TD

 

CPALL : มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดผันผวนและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SETESG Rating “AAA” อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 68F ที่ 15.7 เท่า (-2S.D. จากค่าเฉลี่ย 10 ปี) ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติเติบโต 12%YoY จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ส่วนปี 68 คาดกำไรเติบโต 15%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์

 

Trade war tension eases

The SET is expected to swing up followed the region as investors become less worried about Trump’s trade war after Trump said the final tariffs on China might not be as high as 145% and hopes the two countries will negotiate. However, the SET upside is expected to be limited, waiting for a new negotiation schedule between Thailand and the US. Support is between 1135-1130, and resistance  between 1155-1160.

 

Today’s highlights

• The IMF cut its global GDP forecast for 2025 from 3.3% to 2.8% due to the impact of US tariffs. US GDP was cut to 1.8%, China’s to 4.0%, Europe’s to 0.8% and Thailand’s to 1.8% - the lowest among developing countries in Asia.
• The US Treasury Secretary expects trade tensions between the US and China to ease soon, which should help alleviate concerns in global markets.
• The US imposed new sanctions on Iran targeting Seyed Asadollah Emamjomeh, who controls a network transporting hundreds of millions of dollars worth of LPG and crude oil from Iran. Markets are closely watching nuclear agreement negotiations between the US and Iran scheduled for April 26.
• The Prime Minister ordered the Ministries of Interior, Foreign Affairs, and Tourism and Sports to study visa-free stay adjustments of 60 and 90 days after detecting illegal employment. Assessment shows this will not affect travel to Thailand as tourists stay only 10 days on average.
• The Minister of Finance said the postponement of economic and trade talks with the US is to monitor the situation and study information more thoroughly. An advance team has been sent to work with US counterparts to reach some understandings.
• The Deputy Finance Minister says Phase 3 of the digital wallet program will proceed with Bt10,000 payments before the end of June. The proposal is expected to be submitted to the Cabinet for consideration within 1-2 weeks.
• FTI reports the industrial confidence index for March fell to 91.8 due to the earthquake that slowed economic activities, the automotive sector slowdown and newly implemented steel and aluminum tariffs. Tourism is also beginning to slow, especially from China and Malaysia.

Strategy today

In the short term, the SET is expected to be volatile with cautious trading as investors remain concerned about Trump’s tariffs and are watching for negotiations between the US and China. If the situation is left unresolved, it will pressure world economic growth and investment in risky assets. Domestically, there is no new catalyst. We are following Thailand’s trade negotiations with the US, which is expected to take 2-3 months. Our investment strategy remains "Selective Buy".

 

Trading today

The SET is expected to be volatile with cautious trading due to trade war uncertainties. Watch for negotiations between the US and trading partners, especially China. Our investment strategy recommends "selective buy" in two main themes and one trading theme with specific positive factors:
1. Stocks expected to be targets of ThaiESGX: 1) 2025 profit expected to grow, 2) strong financial position and 3) steady dividends with yield of at least 3% - on SET50 are ADVANC, BBL, BDMS, CPALL and PTT and on SET100 are BCH and BTG.
2. Undervalued stocks with PER and PBV 2025F below -1SD and SETESG Ratings between A-AAA, 2025 profit expected to grow, strong financial position and steady dividends with 2025 dividend yield of at least 3% - BJC, CPF, AP, HMPRO and OR.
3. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate during the escalation of the trade war, we suggest stocks whose revenue is predominantly domestic, are able to set prices and pass on costs, and benefit from lower oil price and interest rate – BCH, CPALL, CPAXT, GULF, MTC, OR and TRUE. We recommend avoid sectors that are directly affected via exports to the US: electronic components, automotive, rubber, agricultural products and jewelry, and those who are indirectly affected through a troubled trade climate: industrial estates, tourism and banks.

 

Daily top picks

BTG: The stock price has a short-term catalyst from strong profit growth. 1Q25 core profit is expected to be Bt1.65bn, up from a loss of Bt126mn in 1Q24 and growing 73%QoQ. Profit is expected to continue strong in 2Q25 (stable/growing QoQ and up YoY) from higher domestic swine price and lower animal feed cost in 2Q25TD.

 

CPALL: A defensive stock in a volatile market and expected to be a target for the ThaiESGX fund with SETESG Ratings of AAA. Valuation is attractive with 2025F PER of 15.7x (-2S.D.). 1Q25 core profit is expected to grow 12%YoY from higher sales and margin, with 2025 growth forecast at 15%, outperforming its sector.

 

Download PDF Click > Daily250423_E.pdf