กลุ่มพลังงานหนุนไปต่อก๊อกสอง”
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาด SET ปรับขึ้นได้ ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังโอเปกเตรียมลดก าลังการผลิตน ้ามันอีก 1.16 ล้าน บาร์เรล หนุนราคาน ้ามันปรับขึ้นแรง และ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นด้วยความหวังเฟดคง ดอกเบี้ย ด้านแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1615 และ 1625 จุด ตามล าดับ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1590-1600 จุด หากต ่ากว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อการพักฐาน
ประเด็นสำคัญ
•สหรัฐรายงานดัชนี PCE เดือน ก.พ. +5%YoY ต ่ากว่าคาด และลดลงจาก
+5.3%YoY ในเดือน ม.ค. ด้าน ม. มิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่น
ผู้บริโภค มี.ค. ต ่ากว่าคาด และลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน
• OPEC+ ประกาศปรับลดการผลิตน ้ามันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน
เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน พ.ค. ไปจนถึงสิ้นปี 2566
• ญี่ปุ่นเตรียมจ ากัดการส่งออกอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตชิป 23 ประเภท
สอดคล้องสหรัฐ เพื่อจ ากัดความสามารถในการผลิตชิปขั้นสูงของจีน
• Fitch คาดปีนี้ ธ.พ. ไทยผลการด าเนินงานฟื้นตัว หลังตั้งส ารองหนี้สูญ
ลดลง สินเชื่อโตต่อเนื่อง แต่กังวลมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ทยอย
หมดอายุ กดดันคุณภาพสินทรัพย์
• ธนาคารโลกคาด ศก. ไทยปีนี้โต 3.6% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.1%
ภาคท่องเที่ยว-บริโภคใน ปท. หนุน ส่งออกหดตัวจาก ศก. โลกชะลอ
• กรมธุรกิจพลังงานระบุการใช้น ้ามันเชื้อเพลิงเฉลี่ย ม.ค.-ก.พ. 66 อยู่ที่
161.78 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 5.9%YoY จากมาตรการกระตุ้น ศก. หนุน
ภาคท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดี
• กนอ. คาดท่าเรือฯ มาบตาพุด เฟส 3 ช่วงที่ 1 คืบหน้ากว่า 43% คาด
เสร็จในปี 2570 พร้อมจัดตั้ง 2 กองทุน จ่ายเงินเยียวยาประมงพื้นบ้าน
แล้วกว่า 94 ลบ.
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้นตลาดจะคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤต ธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป แต่เชิงเทคนิคตลาดเข้าสู่ภาวะ overbought บวกกับ มุมมองที่แตกต่างกันระหว่างเฟดและ ตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจน าไปสู่ความผันผวน ของตลาดในระยะถัดไป อีกทั้งโดยปกติเดือน เม.ย. วอลุ่ม เฉลี่ยต่อวันของตลาดส่วนใหญ่จะปรับตัวลดลง MoM เนื่องจากนักลงทุนมักจะชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุด ยาวในเทศกาลสงกรานต์ จึงท าให้มองช่วงสั้นนี้ SET จะเริ่มมี Upside จ ากัดและมีโอกาสพักตัว กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะน า “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET มี Upside จ ากัดและมีโอกาสพักตัว หลังเข้าสู่ภาวะ
Overbought และใกล้วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะน า
“Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Best of the best ภายใต้วิกฤติการเงินในสหรัฐและยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะ
การเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะน า
Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่
บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม
เลือก AU BBL BDMS CPALL GULF
2. Trading Idea : หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไทยหลังราคาหุ้นยังไม่ค่อยปรับขึ้น เมื่อ เทียบกับดัชนีกลุ่ม Semiconductor ในสหรัฐที่ปรับขึ้นแรง ขณะทีผลประกอบคาดจะผ่านจุด ต ่าสุดใน 1Q66 เลือก KCE HANA
3. หุ้นปันผล ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลัง 11 ปี (ปี 2011-2022 ยกเว้นปี2020) พบมี 2 หุ้นปันผลดีที่อยู่ภายใต้การดูแลของเราซึ่งให้ผลตอบแทนบวกและมี Win Rate เกิน 50% ใน เดือน เม.ย. ได้แก่ SPALI (ปันผลหุ้นละ 0.75 บาท) และ LH (ปันผลหุ้นละ 0.35 บาท) ซึ่งจะมี การขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 พ.ค. ขณะที่ล่าสุดแนะน าให้ขายทำกำไรส าหรับหุ้นที่เคยแนะน าให้เข้าซื้อเก็งก าไรในช่วงที่ SET หลุด 1600 จุดก่อนหน้านี้ ได้แก่ PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF หลัง SET กลับไปบริเวณ 1600 ตามเป้าหมายแล้ว
Daily Focus
BCP ช่วงสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาน ้ามันที่ดีดตัวขึ้นหลัง
โอเปกพลัสปรับลดการผลิตน ้ามันลง ขณะที่ปี 2566 คาดก าไรสุทธิจะดีขึ้น
จากขาดทุนสินค้าคงเหลือและสัญญาประกันความเสี่ยงจะลดลง ทั้งนี้แนะน า
เข้าซื้อเก็งก าไรที่บริเวณ 30.75 บาท
BBL ปี 2566 คาดก าไรเติบโต 50%YoY สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร อีกทั้ง
มองมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต ่ากว่าธนาคารอื่นๆ และจะได้รับ
ประโยชน์มากที่สุดจากการกลับเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ทั้งนี้แนะน าเข้า
ซื้อเก็งก าไรที่บริเวณ 150 บาท