Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – 16 มิ.ย. 2568

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|16 Jun 25 8:34 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปประเด็นวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน การเจรจาการค้าไทยย้ายมาเป็น Online

  • สถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 อิสราเอลได้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์นาทานซ์ในเมืองอิสฟาฮานและสังหารผู้นำระดับสูงของกองทัพอิหร่านหลายราย รวมถึง Mohamad Bagheri หัวหน้าคณะเสนาธิการทหาร อิหร่านตอบโต้ด้วยการส่งโดรนกว่า 100 ลำ แต่ถูกสกัดกั้นได้เกือบทั้งหมด การวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งนี้มีแนวโน้มยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากเป็น "เกมที่อันตราย" ที่แต่ละฝ่ายพยายามตอบโต้และสร้างความได้เปรียบ โดยสาเหตุหลักที่สงครามไม่น่าจะจบเร็วคือ การโจมตีที่รุนแรงของอิสราเอลต่อเป้าหมายยุทธศาสตร์ ความมุ่งมั่นของเนทันยาฮูในการหยุดโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ความซับซ้อนของโครงการนิวเคลียร์ที่ฝังลึกใต้ภูเขา ความจำเป็นของอิหร่านในการตอบโต้เพื่อรักษาหน้า และบทบาทของสหรัฐฯ ที่สร้างความซับซ้อนเพิ่มเติม
  • การวิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบทางเศรษฐกิจ: การวิเคราะห์แบ่งสถานการณ์เป็น 3 ระดับ ได้แก่ สถานการณ์ฐาน (โอกาส 50%) ที่อิหร่านตอบโต้เล็กน้อยและการเจรจาประสบความสำเร็จ ทำให้ราคาน้ำมันลดลงสู่ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลใน 1 เดือน และเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 1.4% หรือสูงกว่า สถานการณ์อึมครึม (โอกาส 40%) ที่มีการปะทะกันเป็นระยะแต่ควบคุมได้ ราคาน้ำมันทรงตัวสูงที่ 70-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ไม่ทันเส้นตาย 9 กรกฎาคม ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 1.2% และ สถานการณ์เลวร้ายที่สุด (โอกาส 10%) ที่ลุกลามเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อิหร่านอาจโจมตี Kharg Island หรือปิดช่องแคบเฮอร์มุซ ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ผลกระทบรวมต่อเศรษฐกิจโลกและไทย: ผลกระทบหลักจะเห็นได้จากราคาน้ำมันที่ผันผวนและสูงขึ้น ความเสี่ยง Stagflation ที่เพิ่มขึ้นเมื่อต้นทุนการผลิตแพงขึ้นแต่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ Fed ลดดอกเบี้ยได้ยากขึ้น ตลาดการเงินผันผวนต่อเนื่อง และห่วงโซ่อุปทานโลกได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง สำหรับเศรษฐกิจไทย ในทุกสถานการณ์จะเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น การส่งออกที่หดตัว และการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ โดยในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ และเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 1.0% พร้อมเผชิญความเสี่ยงสูงในการเข้าสู่ภาวะถดถอย
  • การเจรจาการค้าไทยย้ายมาเป็น Online อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แถลงว่าการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ มีแนวโน้มจัดแบบออนไลน์เนื่องจากเส้นตาย 9 กรกฎาคมใกล้เข้ามา โดยยังไม่กำหนดวันแน่นอนแต่เตรียมความพร้อมเร่งด่วน เพราะหากเจรจาล้มเหลวไทยจะเผชิญภาษี 36% ที่กระทบการส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมด ขณะเดียวกันรายงานซิตี้กรุ๊ปชี้ให้เห็นการเบี่ยงเบนการค้าที่จีนเพิ่มการส่งออกมาไทยในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีสหรัฐฯ ขณะที่การส่งออกจีนไปสหรัฐฯ ลดลง 33% ทำให้สินค้าจีนราคาถูกท่วมตลาดไทยและกดดันผู้ผลิตในประเทศ ประกอบกับความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านที่ยืดเยื้อทำให้ราคาน้ำมันพุ่ง 10% และอาจสูงถึง 100-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในสถานการณ์เลวร้าย ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งและการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความเสี่ยงทั้งสามด้านนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดัน หากการเจรจาล้มเหลวจะทำให้การส่งออกหดตัวรุนแรงกว่าประมาณการ -3.0% ขณะที่การถูกดัมพ์สินค้าจีนจะสร้างการแข่งขันไม่เป็นธรรม และต้นทุนพลังงานสูงจะกดดันเงินเฟ้อ ทำให้ธปท.ลดดอกเบี้ยยากขึ้น เพิ่มความเป็นไปได้ที่ GDP จะขยายตัวต่ำกว่าประมาณการฐาน 1.4% และมีความเสี่ยงสูงเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคในครึ่งหลังปี 2568
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5