PDF Available  
Digital Assets Weekly Pulse

Digital Assets Weekly Pulse : Bitcoin ลุ้นรีบาวด์จากแนวรับสำคัญที่ $100,000 นักลงทุนยังคงรอสัญญาณบวกจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและจากการสิ้นสุด Government Shutdown ( Period 17 - 21 November 2025 )

13 Nov 25 2:49 PM
สรุปสาระสำคัญ

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดย Bitcoin ทรงตัวอยู่ระหว่าง $100,000 – $106,000 ขณะที่ Ethereum (ETH) เคลื่อนไหวบริเวณ $3,200 - $3,600 ด้านกระแสเงินไหลเข้าของกองทุนพบว่า Spot Bitcoin ETF มียอดเงินไหลเข้ากว่า $525.14 ล้านดอลลาร์ สะท้อนแรงซื้อกลับบางส่วน ขณะที่ Spot Ethereum ETF ยังคงเผชิญแรงขายราว -107.18 ล้านดอลลาร์ ดัชนี Fear & Greed ปรับขึ้นสู่ระดับ 26 จากสัปดาห์ก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสรีบาวด์ระยะสั้น ในภาพรวมตลาดมีแรงสนับสนุนจากการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ Fed ประกอบกับ US Government shutdown ที่สิ้นสุดลงแล้ว

 

ราคาของ Bitcoin กำลังทดสอบแนวรับสำคัญของขาขึ้นรอบนี้ ทั้งบริเวณเส้น 50-Week MA, แนวรับจิตวิทยา $100,000 และระดับ RSI ที่อยู่ในโซนเดียวกับช่วงรีบาวด์ 3 ครั้งก่อนหน้า จึงมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น โดยมี 2 กรณีหลัก คือ หากราคาทะลุแนวต้าน $110,000–$116,000 ขึ้นไป จะมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ แต่หากราคาปรับขึ้นเพียงระยะสั้นแล้วชนแนวต้านดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณอ่อนแรงและเข้าสู่ขาลงได้อีกครั้ง ขณะเดียวกัน Bitcoin Dominance (BTC.D) ปรับขึ้นต่อเนื่องกว่า 8 สัปดาห์ แตะเหนือ 60% สะท้อนกระแสเงินไหลกลับจาก Altcoins สู่ Bitcoin คล้ายกับรอบปี 2019 ก่อนที่ Fed จะยุติการทำ QT ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ในเชิงมหภาค ดัชนี ISM Manufacturing PMI บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงต้นของการฟื้นตัว ซึ่งในอดีตมักสอดคล้องกับช่วงขาขึ้นของ Bitcoin ขณะที่ข้อมูล On-chain พบว่า “Supply in Loss” พุ่งแตะระดับ 5.6 ล้านเหรียญ สะท้อนว่าแรงขายส่วนใหญ่ใกล้หมดและตลาดอาจอยู่ในจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวรอบถัดไป

 

1. แนวโน้มราคากำลังทดสอบแนวรับสำคัญของขาขึ้น

 

แนวโน้มภาพใหญ่ ราคา Bitcoin ยังคงอยู่ที่ระดับแนวรับสำคัญซึ่งประกอบด้วย

 

  1. เส้น 50-Weeks MA
  2. แนวรับจิตวิทยาที่ราคา $100,000
  3. RSI อยู่ในระดับเดียวกันกับที่เกิดการรีบาวด์ 3 ครั้งที่ผ่านมาในขาขึ้นรอบนี้

 

จุดนี้จึงเป็นจุดที่ราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้นและอาจเป็นจุดสำคัญในการตัดสินทิศทางของตลาดในระยะต่อไป

 

 

2. สองกรณีความเป็นไปได้ของทิศทางตลาด

 

ในเชิงเทคนิค ตลาดมี 2 กรณีหลักที่ต้องติดตาม

 

  1. Bull Case
    หากราคาปรับตัวขึ้นและทะลุระดับ 110,000 – 116,000 ขึ้นไป มีโอกาสที่จะทำจุดสูงสุดใหม่ (ATH) และขึ้นต่อไปได้
  2. Bear Case
    หากราคาปรับตัวขึ้นแต่ชนแนวต้านที่ระดับ 110,000 – 116,000 อาจเป็นการส่งสัญญาณอ่อนแรงและปรับตัวเป็นขาลงได้ต่อไป

 

 

3. โครงสร้างตลาดและสัญญาณจาก Bitcoin Dominance

 

Bitcoin Dominance (BTC.D) ปรับขึ้นต่อเนื่องกว่า 8 สัปดาห์ แตะเหนือ 60% บ่งชี้ว่ากระแสเงินทุนกำลังไหลกลับจาก Altcoins มายัง Bitcoin ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่นักลงทุนลดความเสี่ยงและรอความชัดเจนนโยบายการเงิน ภาพดังกล่าวคล้ายกับรอบปี 2019 ที่ BTC.D ปรับขึ้นต่อเนื่องจนถึงจุดที่ Fed ยุติการทำ QT (Quantitative Tightening) ก่อนจะเข้าสู่ช่วงการกระจายการลงทุนกลับไปยัง Altcoins อีกครั้ง ปัจจุบันสถานการณ์มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน โดยตลาดคาดว่า Fed จะยุติการทำ QT ในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทิศทางสภาพคล่องในตลาดคริปโท

 

 

4. ขาขึ้นของ Bitcoin อาจยาวนานขึ้น เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมา Bitcoin เคลื่อนไหวสอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ต้นรอบของการฟื้นตัว

 

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Bitcoin มักปรับขึ้นเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วง ขยายตัว (Expansion) และปรับลงเมื่อเศรษฐกิจ ชะลอตัว (Contraction) ปัจจุบันรอบเศรษฐกิจปี 2022–2025 อยู่ในช่วงต้นของการฟื้นตัว สะท้อนผ่านดัชนี ISM Manufacturing PMI ที่ทยอยปรับขึ้น หากแนวโน้มนี้ยืนได้ มีโอกาสที่ Bitcoin จะเดินหน้าตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และทำให้ขาขึ้นรอบนี้ยาวนานกว่ารอบก่อนหน้า

 

 

5. Supply in Loss พุ่งแตะ 6 ล้านเหรียญ บ่งชี้ว่าตลาดใกล้จุดต่ำสุดและพร้อมฟื้นตัว


ข้อมูล On-chain ระบุว่า Supply in Loss เพิ่มเป็นกว่า 5.6 ล้านเหรียญ หรือราว 30% ของเหรียญทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัวแรงในปี 2024 และเมษายน 2025 สะท้อนว่าแรงขายส่วนใหญ่ถูกระบายออกแล้ว ประวัติศาสตร์ชี้ว่าการขึ้นเหนือ 5 ล้านเหรียญมักเกิดใกล้จุดต่ำสุดของรอบ และเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการฟื้นตัว แม้ระยะสั้นยังผันผวนแต่ภาพรวมเอื้อต่อการกลับตัว

 

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5