Keyword
PDF Available  
เคาะซื้อ Weekly strategy

เคาะซื้อ Weekly Strategy: ปิดดีลญี่ปุ่น-สหรัฐฯ จัดภาษีไป 15% ด้านไทย-กัมพูชาเดือด (28 July - 1 August 2025)

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|25 Jul 25 1:45 PM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปคำแนะนำการลงทุนประจำวันที่ 28 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2025

 

มุมมองรายสินทรัพย์ประจำสัปดาห์

ตราสารทุน

ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อในระยะสั้นจากโมเมนตัมเชิงบวก ทั้งจากความคืบหน้าดีล การค้า ที่ในหลายๆ ประเทศทยอยบรรลุดีลกับสหรัฐฯ และผลประกอบการ Q2 ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ทั้งนี้ Upside อาจไม่มากเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก และ Valuation ตึงตัว เน้น Selective หุ้น Quality และกระจายไปยังหุ้น Defensive อย่างกลุ่ม Healthcare สำหรับระยะยาวเรายังคงชื่นชอบหุ้น EM เช่น จีน เวียดนาม ด้านตลาดหุ้น DM เราชื่นชอบตลาดหุ้นยุโรปจาก Valuation ไม่แพงและคาดการเติบโตของ EPS จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

ตราสารหนี้

เรายังคงมุมมองว่าตราสารหนี้ที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี จะยังคงให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีกว่าตราสารหนี้อายุยาวที่มีแนวโน้มถูกกดดันจาก Bond Yield ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นหนี้สาธารณะและเสถียรภาพทางการคลัง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจยังออกมาในระดับที่ทนทาน (Resilience) ส่งผลใด้ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ช้า

 

สินทรัพย์ทางเลือก

เราประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสใกล้หยุดพักฐานหลังแกว่งตัวออกข้างมานาน 3 เดือน โดยแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยหนุนหลัก และความกังวลต่อหนี้สาธารณะและการขาดดุลการคลังเป็นอีกปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำในระยะข้างหน้าให้ขึ้นต่อได้ในระยะกลาง

[Theme Play]

 

Europe Equity: กิจกรรมทางเศรษฐกิจของยุโรปยังคงแสดงสัญญาณเชิงบวก โดยเฉพาะในภาคบริการที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการผลิตมีเสถียรภาพมากขึ้น ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ นโยบายการคลังที่ผ่อนคลายในกลุ่มประเทศยุโรปยังคงเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนการกลับเข้ามาลงทุนในประเทศของบริษัทเยอรมนีมีแนวโน้มช่วยหนุนเศรษฐกิจในเยอรมนี ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในระยะข้างหน้า หากพิจารณากำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี STOXX 600 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2026 ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในยุโรปมากยิ่งขึ้น

 

Gold: ราคาทองคำกำลังเข้าสู่ไตรมาส 3 ซึ่งตามสถิติเป็นฤดูกาลที่ราคาทองมักปรับขึ้น ขณะที่แนวโน้มดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ยังอ่อนค่าจากคาดการณ์ Fed ลดดอกเบี้ย หนุนราคาทอง ด้านปัจจัยพื้นฐาน หนี้สาธารณะทั่วโลกยังสูง เสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน ขณะที่กระแส De-dollarization เดินหน้าลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐฯ และธนาคารกลางทั่วโลกยังมีแนวโน้มซื้อทองคำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  ด้านเทคนิค ราคาทองอยู่ช่วงปลายของการพักฐานแบบ Triangle ราว 2 เดือน เตรียม Breakout ขาขึ้น หลังทำ higher low และ higher high สอดคล้องกับพฤติกรรมราคาช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

 

China A-Shares: หุ้นจีน A-Share ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจของจีนยังแสดงให้เห็นถึงการขยายตัว โดย A-Shares ราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับ H-Shares จึงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ สี จิ้นผิง ส่งสัญญาณจีนเตรียมคุมสงครามราคา และแก้ปัญหาภาคอสังหาฯ เพื่อแก้ปัญหาเงินฝืดและฟื้นเศรษฐกิจ หนุน Sentiment หุ้นจีน ปัจจุบันดัชนี CSI 300 มี Valuation ไม่แพง และกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัว นอกจากนี้ A-Shares มีความสัมพันธ์ต่อหุ้นโลกและหุ้นสหรัฐฯ ต่ำ สามารถใช้ในการกระจายความเสี่ยงออกจากหุ้นโลกได้

 

Vietnam Equity: ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปี และเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังบรรลุดีลกับสหรัฐฯ แม้อัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เก็บจะสูงราว 20% แต่ก็ต่ำกว่าการประกาศครั้งแรกที่ 46% นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามได้เดินหน้านโยบายปฏิรูปเชิงลึกผ่าน Resolution 68 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ยกระดับภาคเอกชนสู่แรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และล่าสุดรัฐบาลเวียดนามปรับเพิ่มการขยายตัวของ GDP ปี 2025 ที่ 8.3-8.5% และตั้งเป้าหมายการเติบโตสูงกว่า 10% สำหรับปี 2026-2030 อีกทั้ง ตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาสถูกยกระดับสู่ FTSE Emerging market ในช่วงเดือนก.ย. เป็นอีกปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นเวียดนาม แนะนำให้ทยอยลงทุนในหุ้นเวียดนาม

 

[Event Play]

 

China Tech: แนะนำลงทุนหุ้นเทคจีน โดยมองว่ารัฐบาลจีนจะยังคงใช้นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจต่อ นอกจากนี้การเข้ามาควบคุมการแข่งขันด้านราคามีโอกาสจะช่วยหนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลเข้ามาดูแลให้เพิ่มขึ้นในระยะยาว เช่น EV พลังงานสะอาด และกลุ่มแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่กองทุนลงทุน ด้านพื้นฐานมองว่า EPS Growth ในไตรมาสที่เหลือของปียังเติบโตในระดับสูง และโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯขณะที่ Valuation ยังถูก (Forward P/E 16.6 เท่า vs ค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 24)

 

Global Healthcare: เราประเมินว่าราคาหุ้นในกลุ่ม Global Healthcare ได้ปรับตัวลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ทั้งจากประเด็นภาษียาและปัจจัยลบเฉพาะตัว ขณะเดียวกัน Valuation ในปัจจุบันอยู่ในโซน Deep Value โดยซื้อ-ขาย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมาก (-2 S.D.) และผลประกอบไตรมาส 2 ของบริษัท Global Healthcare ที่ทยอยประกาศออกมา ส่วนใหญ่กำไรและรายได้สูงกว่าคาดการณ์ สะท้อนปัจจัยพื้นฐานยังดี รวมถึงสัญญาณในเชิงเทคนิค สะท้อนโอกาสในการฟื้นตัวได้ในระยะถัดไป นอกจากนี้ กลุ่ม Healthcare ยังมีลักษณะเป็นหุ้นแนว Defensive ที่สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดี จึงมีโอกาสได้รับความสนใจจากการสลับกลุ่มลงทุน (sector rotation) โดยเฉพาะในช่วงที่ดัชนี S&P 500 เริ่มเข้าสู่ระดับ Valuation ที่ตึงตัว และความกังวลหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5