- หุ้นไทยพุ่งกว่า 7% WoW สูงสุดในรอบปี ไปต่อได้ไหม
- เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งเกินคาด เศรษฐกิจยังไปต่อได้ แต่ทรัมป์ส่งสัญญาณอัด Fed ลงทุนอย่างไร
- เศรษฐกิจจีนโตดี แต่เริ่มเป็น 2 ขั้ว บ่งชี้อะไร
- อินโดได้ดีลต่อจากเวียดนาม เราจะรอดหรือไม่
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้น โดยตลาดหุ้น EM และ DM ปรับขึ้น 1%WoW และ 0.3%WoW ตามลำดับ ได้รับแรงหนุนจากท่าทีของสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายมาตรการส่งชิปไปยังจีน โดยอนุญาตให้ Nvidia และ AMD กลับมาส่งออกชิป AI บางรุ่นสู่จีนอีกครั้งแลกเปลี่ยนกับแร่หายากของจีน และขานรับผลประกอบการของ บจ. ที่ออกมาแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ TSMC ซึ่งหนุนให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อีกทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนสัปดาห์นี้ยังออกมาดีเกินตลาดคาด อาทิ GDP 2Q25 ของจีน, ยอดค้าปลีก มิ.ย. และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ปธน. ทรัมป์เผยไม่มีแผนที่จะปลดประธาน FED และมีแผนส่งจดหมายไปยังอีกมากกว่า 150 ประเทศ เพื่อแจ้งการเก็บภาษีในอัตรา 10-15% อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปิดโอกาสพิจารณารับข้อเสนอจากประเทศคู่ค้าเพื่อประเมินการปรับลดภาษีในอนาคตก่อนถึงเส้นตาย 1 ส.ค. นี้ ด้านตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น 7.9%WoW ซึ่งเกิดจากแรงซื้อที่เข้ามาใน DELTA และ AOT เนื่องจากมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังผลการเจรจาการค้ารอบ 2 ของรัฐบาลไทยกับสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงได้ด้วยดี หลังได้เข้าเจรจากับ USTR อีกครั้งในวันที่ 16 ก.ค. ซึ่งทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ และยังมีความคาดหวัง ผู้ว่า ธปท. คนใหม่จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ซึ่งคาด ครม. จะมีการพิจารณาประกาศแต่งตั้งในสัปดาห์หน้า ด้านราคาน้ำมันปรับขึ้นจากกังวลความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมัน หลังบ่อน้ำมันในอิรักถูกโจมตีต่อเนื่อง และ IEA ประเมินตลาดน้ำมันอาจตึงตัวกว่าที่คาดไว้
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยแม้ Headline CPI ของสหรัฐฯ มิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.7%YoY สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.6%YoY สะท้อนผลของมาตรการภาษีศุลกากร กดดันการลดดอกเบี้ยของ Fed แต่ยังได้แรงหนุนจากท่าทีสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายมาตรการส่งชิปไปยังจีน รวมทั้งข้อมูล ศก. สหรัฐและจีนที่ดีเกินคาด อาทิ GDP 2Q25 ของจีน, ยอดค้าปลีก มิ.ย. และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นในสัปดาห์นี้ แรงหนุนจาก 1) คาดหวังการเจรจาการค้ารอบ 2 ของไทยกับสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงได้ หลังเข้าเจรจากับ USTR อีกครั้งในวันที่ 16 ก.ค. 2) ปัจจัยบวกเฉพาะตัวทำให้เกิดแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA และ AOT 3) คาดหวังผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าเดิม และ 4) ตัวเลขท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับ Sentiment บวกจากการเลื่อนแผนเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มสูงขึ้นที่ 4.44% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีทรงตัวที่ 3.89% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 55 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.54% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงที่ 1.36% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 153 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 1.3%WoW สู่ 69.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากความกังวลอุปทาน บ่อน้ำมันในอิรักถูกโจมตีต่อเนื่อง และ IEA ประเมินตลาดน้ำมันอาจตึงตัวกว่าที่คาดไว้ ด้านราคาทองคำ (Spot) ปรับขึ้น 0.47%WoW สู่ 3,338.85 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าขึ้นเป็น 98.44 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนลงที่ 148.7 เยน ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเป็น 1.16 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาททรงตัวที่ 32.43 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.18 หยวน
