Keyword
PDF Available  
Wealth Weekend

INVX Wealth Weekend – จับตาดีลทรัมป์สัปดาห์หน้า

25 Jul 25 10:54 AM
สรุปสาระสำคัญ
  • ทรัมป์ ประกาศดีลกับญี่ปุ่นที่ 15% ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียที่ 19% ตลาดคาดไทยได้อัตราใกล้เคียงกัน ท่ามกลางเส้นตายที่ใกล้เข้ามา
  • จีนเริ่มสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดยักษ์มูลค่า 1.2 ล้านล้านหยวน ใหญ่กว่าเขื่อนสามผาถึง 3 เท่า
  • กัมพูชาโจมตีไทย ทำให้ไทยส่ง F16 โจมตีฐานยิงของกัมพูชา

 

สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยทั้งตลาดหุ้น EM และ DM ปรับขึ้น 1.4%WoW  ปัจจัยหนุนจาก 1) มีความคืบหน้าเจรจาการค้า โดย ปธน. ทรัมป์ กำหนดอัตราภาษีศุลกากรใหม่กับญี่ปุ่นที่ 15% จากเดิม 24% (รวมถึงลดรถยนต์เหลือ 15%) และฟิลิปปินส์ 19% จากเดิม 20% ทำให้ตลาดตีความว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่ยังไม่บรรลุข้อตกลงจะถูกเรียกเก็บภาษีใหม่ในอัตราใกล้เคียงกัน อีกทั้ง รมว.คลังสหรัฐฯ เผยจะเจรจาจีนในวันที่ 28–29 ก.ค. เพื่อหารือขยายข้อตกลงหยุดเก็บภาษีที่จะหมดอายุใน 12 ส.ค. 2) รัฐบาลจีนเผยจะใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมการลดราคาสินค้าที่มากเกินไปจีน พร้อมประกาศโครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกในทิเบต ซึ่งหนุนหุ้นกลุ่มก่อสร้างและกลุ่มพลังงานไฟฟ้า และ 3) กระแสเงินไหลออกจากตลาดตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น จากแนวโน้มการเจรจาภาษีที่มีพัฒนาการเชิงบวกต่อเนื่อง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของ บจ. ที่ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับ AI ด้านตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อเช่นกัน จากคาดไทยจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐด้วยอัตราภาษีต่ำใกล้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และ ครม. มีมติแต่งตั้ง ผู้ว่า ธปท. คนใหม่ซึ่งคาดจะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ขณะที่เหตุปะทะไทย-กัมพูชา กระทบเล็กน้อยต่อบรรยากาศลงทุนและมองมีผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจไทย ด้านราคาน้ำมันปรับลง จากกังวลสงครามการค้ากระทบต่อเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมัน 

 

ตลาดหุ้นโลก 

ตลาดหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้จาก (1) ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศข้อตกลงการค้าใหม่ โดยกำหนดอัตราภาษีศุลกากรกับญี่ปุ่นที่ 15% จากเดิม 24% ฟิลิปปินส์ 19% จากเดิม 20% (2) Scott Bessent จะคุยกับจีนในวันที่ 28–29 ก.ค. เพื่อหารือการ ขยายข้อตกลงหยุดการเก็บภาษี  (3) Existing Homes Price สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 1.6% เดือนก่อน ยังกดดันการลดดอกเบี้ยของ Fed

 

ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก (1) ความคาดหวังการเจรจาการค้าสหรัฐ (2) ครม. มีมติแต่งตั้ง นาย วิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่งผู้ว่า ธปท. ท่านใหม่  (3) รมว. คลังเผยได้ส่งข้อเสนอเจรจาการค้าครั้งสุดท้ายแก่สหรัฐฯ  เบื้องต้นไทยจะไม่ยอมเปิดตลาดเสรี 100% แก่สินค้าสหรัฐฯ และ (4) ส่งออกไทย มิ.ย. ยังขยายตัวดีที่ 15.5%YoY แต่ชะลอลงจากเดือนก่อนและต่ำกว่าคาด ขณะที่เหตุปะทะไทย-กัมพูชา กระทบเล็กน้อยต่อบรรยากาศลงทุน

 

ตลาดพันธบัตร

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 4.40% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีเพิ่มขึ้นที่ 3.96% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 44bps 
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.49% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงที่ 1.29% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 2,901 ล้านบาท

 

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ราคาน้ำมัน Brent ปรับลง 0.5%WoW สู่ 69.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากความกังวลการเจรจาการค้าที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. กระทบเศรษฐกิจโลกและกดดันอุปสงค์น้ำมัน ด้านราคาทองคำ (Spot) ปรับขึ้น 0.9%WoW สู่ 3,368.08 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

 

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) แข็งค่าเป็น 97.6 จุด  ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 147.42 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 32.32 บาท ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าที่ระดับ 7.15 หยวน

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5