สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมาจากการขายทำกำไร หลังความกังวลประเด็น Valuation ทำให้ยังมีการเปลี่ยนกลุ่มออกจาก Growth ที่ถูกมองว่าตึงตัว ความกังวลตัวเลขอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 64,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาด แต่เดือน ต.ค. ลดลง 105,000 ส่วนใหญ่เกิดจากการเลิกจ้างในหน่วยงานภาครัฐ ด้านยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ไม่เปลี่ยนแปลง MoM ต่ำกว่าตลาดคาด แต่ยอดค้าปลีกกลุ่มควบคุม (ไม่รวมรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และร้านอาหาร) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ใช้คำนวณ GDP เพิ่มขึ้น 0.8%MoM สูงกว่าตลาดคาดมาก บ่งชี้ว่าการบริโภคที่แท้จริงยังแข็งแรง อย่างไรก็ตามตลาดฟื้นขึ้นบ้างหลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย.ออกมาต่ำกว่าคาด ด้านกลุ่มเทคฯ ลดลง 4.1% ECB มีมติคงดอกเบี้ย ส่วน BoJ ปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายตามคาด ด้านตลาดหุ้น EM ปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยกลุ่มเอเชียเหนือ ได้แก่ เกาหลีใต้และไต้หวัน จากแรงกดดันหุ้นกลุ่มเทคฯ หุ้นจีนค่อนข้างทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง แม้ตัวเลขกิจกรรมเศรษฐกิจจีน พ.ย. จะออกมาต่ำกว่าคาดและลดลงจากเดือนก่อน ทั้งยอดค้าปลีกที่ขยายตัว 1.3%YoY การผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 4.8% YoY การลงทุนสินทรัพย์ถาวร หดตัว 2.6%YoY ตลาดหุ้นไทยชะลอตัวลงในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ แม้ กนง. จะมีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 1.25% และส่งสัญญาณผ่อนคลาย (Dovish Turn) โดยคำว่า "Policy Space" หายไปจากถ้อยแถลง และส่งสัญญาณจับตาเงินฝืดชัดเจน แต่ตลาดกลับขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการเก็งกำไรมาแล้วในช่วงก่อน ราคาน้ำมันอ่อนตัวต่อ กดดันจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว อุปทานจากรัสเซียอาจเพิ่มขึ้น หากมีความคืบหน้าการเจรจาสันติภาพกับยูเครน
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) การจ้างงาน นอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 64,000 ตำแหน่ง ด้านข้อมูลเดือน ต.ค. ลดลง -105,000 ตำแหน่ง (2) ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ทรงตัวที่ 0.0%MoM ต่ำกว่าตลาดคาดและเดือนก่อนที่ +0.1% ข้อมูลสะท้อนการฟื้นตัวแบบ K-Shape (3) S&P Global Composite PMI (P) สหรัฐฯ ชะลอลงสู่ระดับ 53.0 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) กนง. มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 1.50% สู่ 1.25% พร้อมส่งสัญญาณผ่อนคลาย (2) ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. 2568 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 89.1 จาก 87.3 ในเดือน ต.ค. (3) คลังและธปท. เห็นควรให้ยกระดับการติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาแนวทางดำเนินการกับธุรกรรมที่สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงที่ 4.13% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีปรับลดลงที่ 3.46% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 67 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงที่ 1.68% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงสู่ 1.18% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 2,933 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับลง 2.45%WoW สู่ 59.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันล้นตลาด การเจรจาสันติภาพรัสเซียมีความคืบหน้าอาจนำไปสู่การคลายคว่ำบาตรน้ำมัน ด้านราคาทองคำ (Spot) ปรับขึ้น 1.25%WoW สู่ 4,332.51 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ทรงตัวที่ 98.43 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 155.6 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 31.4 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 7.04 หยวน