- การบริโภคเป็นแรงหนุนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ปรับลดลงต่อเนื่อง
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นได้โดย S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งในช่วงก่อนเข้าสู่วันหยุดเทศกาลคริสต์มาส หนุนโดย GDP สหรัฐฯ 3Q25 ออกมาขยายตัว 4.3% QoQ สูงกว่าตลาดคาดและสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว 3.5% สูงกว่าตลาดคาด สะท้อนการใช้จ่ายด้านบริการที่แข็งแกร่ง เช่น การดูแลสุขภาพและการเดินทางระหว่างประเทศ ขณะที่การส่งออกสุทธิและการใช้จ่ายภาครัฐฯ ช่วยหนุนการเติบโตของ GDP ได้เช่นกัน สนับสนุนหุ้นในกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้น 0.8% อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ลดลงสู่ 89.1 จุด จาก 92.9 จุด ต่ำสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนั้นสหรัฐฯ ยังเลื่อนการบังคับใช้ภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากจีนไปถึงเดือน มิ.ย. 2027 สะท้อนความพยายามของสหรัฐฯ ในการลดความตึงเครียดกับจีนเพื่อลดเสี่ยงด้านซัพพลายเชน แต่จะต้องมีการจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลสหรัฐ 25% หนุนหุ้นกลุ่มเทคฯ แต่ยังต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาลจีนที่มีเป้าหมายมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อใช้เองในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาชิปนำเข้า ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคฯ ฟื้นตัว 0.5% ตลาดหุ้น EM ปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน หนุนโดยการฟื้นตัวของตลาดเอเชียเหนือ ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน รวมถึงจีน โดยมีปัจจัยบวกจากภาคอสังหา ภายหลังจาก China Vanke ได้รับการขยายเวลาชำระหนี้จากผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่า 2 พันล้านหยวน ทำให้สามารถเลี่ยงผิดนัดชำระได้ชั่วคราว ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโลก แม้มูลค่าส่งออกไทยเดือน พ.ย. จะขยายตัว 7.1%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่เร่งตัวขึ้นจาก 5.7% เดือนก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตามวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าคอมพิวเตอร์และกระแส AI ราคาน้ำมันปรับขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐเรือบรรทุกน้ำมันของเวเนซุเอลา และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ
ตลาดหุ้นโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) GDP สหรัฐฯ 3Q25 ขยายตัว 4.3% QoQ,SAAR สูงกว่าตลาดคาดที่ 3.3% เร่งจาก 3.8% ไตรมาสก่อน และสูงสุดในรอบ 2 ปี (2) สหรัฐฯ เลื่อนการบังคับใช้ภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จากจีนไปถึงเดือน มิ.ย. 2027 (3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (Conference Board) เดือน ธ.ค. ลดลงสู่ 89.1 จุด จาก 92.9 จุด
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1) ส่งออกไทย เดือน พ.ย. ขยายตัว 7.1%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 5.7% เดือนก่อน ด้วยแรงหนุนจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (2) ยอดผลิตรถยนต์จำนวน 130,222 คัน ลดลง 4.0%MoM แต่เพิ่มขึ้น 11.1%YoY หนุนจากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการเร่งผลิตเพื่อชดเชยโควตา EV ในอัตรา 1.5 เท่าของยอดนำเข้า (3) คลัง ธปท. และ กลต. ออกมาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี อยู่ที่ 4.14% ขณะที่ระยะสั้น 2 ปีทรงตัวที่ 3.50% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ 64 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงที่ 1.69% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี เพิ่มขึ้นสู่ 1.15% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 2,744 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 4.1%WoW สู่ 62.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากความกังวลที่สหรัฐฯ เดินหน้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันเวเนซุเอลา หนุนความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ ด้านราคาทองคำ (Spot) ปรับขึ้น 0.81%WoW สู่ 4,479.39 ดอลลาร์ต่อทรอย
ออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนลงที่ 97.94 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงที่ 156.5 เยน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.17 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งขึ้นที่ 31.3 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินหยวนแข็งตัวที่ระดับ 7.03 หยวน
