By INVX Investment Products & Strategy
29 กันยายน 2025
สถานการณ์ปัจจุบัน
รัฐบาลสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ Full Government Shutdown ในวันที่ 1 ตุลาคม 2025 หลังคองเกรสยังไม่สามารถผ่านงบประมาณปี 2026 ได้ โดย Republicans เสนอ clean continuing resolution ขณะที่ Democrats เรียกร้องการขยายเครดิตภาษี ACA และยกเลิกการตัดงบ Medicaid ความตึงเครียดสูงขึ้นหลังประธานาธิบดี Trump ยุติการเจรจากับฝ่าย Democrat
ที่สำคัญ สำนักงาน OMB ได้ส่งบันทึกให้หน่วยงานรัฐบาลเตรียมแผน reduction in force (RIF) เพื่อเลิกจ้างพนักงานถาวร แตกต่างจาก shutdown ในอดีตที่เป็นเพียงการพักงานชั่วคราว ทำให้ครั้งนี้มีความเสี่ยงรุนแรงและกว้างขวางกว่าที่ผ่านมา
ความน่าจะเป็นตามตลาดการคาดการณ์
ข้อมูลจาก Polymarket ชี้ว่าความน่าจะเป็นที่สหรัฐฯ จะเกิด government shutdown ล่าสุดอยู่ที่ 74% สูงกว่าช่วงเดือนมีนาคมที่เคยพุ่งไป 60% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวได้ปรับลงจากระดับสูงสุดที่ 85% ในสัปดาห์ก่อนหน้า สะท้อนว่าตลาดยังให้น้ำหนักสูงต่อความเสี่ยง แต่ไม่ถึงขั้นสุดโต่ง
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
• ตามประมาณการของ Goldman Sachs พบว่า การปิดรัฐบาลเต็มรูปแบบอาจกระทบ GDP Growth ราว 0.2% ต่อสัปดาห์
• CBO ประเมินว่า government shutdown ในช่วง 2018–2019 ทำให้ GDP สูญเสีย 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (0.05% GDP) โดยมีความเสียหายถาวร 3 พันล้านดอลลาร์
• หากเกิดการเลิกจ้างถาวร ผลกระทบจะลึกและยืดเยื้อมากขึ้น เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังอ่อนแอ
Reaction ของสินทรัพย์ในอดีต (ในครั้งที่มีการ Shutdown ยาวนานที่สุด 3 ครั้ง)
1) 1995–1996 (Bill Clinton, 21 วัน)
• S&P 500 -3.52%
• US 10Y Yield -33 bps.
• Gold +7.06%
→ นักลงทุนหนีความเสี่ยงเข้าสู่พันธบัตรรัฐบาลและทองคำ
2) 2013 (Barack Obama, 16 วัน)
• S&P 500 -4.01%
• US 10Y Yield -49 bps.
• Gold -10.25%
→ หุ้นปรับลงระยะสั้น และนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล แต่ทองคำปรับตัวลงแรง เนื่องจากช่วงนั้นเป็นวัฏจักรขาลงของทองคำ
3) 2018–2019 (Donald Trump, 35 วัน)
• S&P 500 -16.45%
• US 10Y Yield -68 bps.
• Gold +7.82%
→ ในช่วงนั้น ตลาดหุ้นปรับฐานหนักจาก government shutdown และปัจจัยเสริมคือสงครามการค้า ขณะที่ ทองคำ ปรับตัวโดดเด่นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล
Implications สำหรับการลงทุน
• หุ้นสหรัฐฯ: จากสถิติในอดีต การเกิด government shutdown มักกดดัน sentiment และทำให้ตลาดปรับตัวลงในระยะสั้น แต่ความแรงของการปรับลงขึ้นอยู่กับสภาวะการลงทุนและ valuation ของหุ้นในช่วงนั้น สำหรับรอบนี้ นักลงทุนควรจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อ Valuation อยู่ในระดับสูง ทำให้ตลาดมีความเสี่ยงที่จะเผชิญแรงขายได้ หากเกิด government shutdown ขึ้นจริงๆ อย่างไรก็ตาม หากความเสี่ยงสามารถคลี่คลายได้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
• พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (UST): ในอดีตมีแนวโน้มได้รับแรงซื้อในฐานะเป็น safe haven ทำให้ yield ลดลง แต่รอบนี้อาจแตกต่างเนื่องจากตลาดกังวลหนี้สาธารณะและการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ อาจส่งผลให้ Bond Yield ระยะยาวปรับตัวลดลงได้อย่างจำกัด
• ทองคำ: มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย โดยในอดีตทองคำมักทำผลตอบแทนได้ดี
สรุป เราเสนอทางเลือกให้นักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจปรับฐานระยะสั้นจากประเด็น Government Shutdown สามารถใช้ US Options โดยเลือก Long Put Options SPY ETF ซึ่งเป็น ETF ที่อิงดัชนี S&P500 โดยมีเทคนิคการเลือก Options จะเลือก Expiry ที่มีอายุมากกว่า 30 วันขึ้นไปเพื่อลดความเสี่ยงจากค่า Time Decay ที่ลดลงไม่เร็วเกินไป และเลือกลงทุนที่ Strike Price ATM (strike price เป็นราคาเดียวหรือใกล้เคียงกับราคาหุ้นในขณะนั้น) เพื่อให้ค่าราคา Options เคลื่อนไหวได้ตามราคาของ SPY มากขึ้น โดยหากตลาดหุ้นปรับลงนักลงทุนจะได้กำไรจาก Put Options เพื่อชดเชยพอร์ตในภาพรวม แต่หากตลาดหุ้นไม่ลง นักลงทุนจะขาดทุนจำกัดเพียงแค่ค่า premium ตัวอย่างเช่นเลือก Long Put Options SPY Strike price 660 Expiry 31 Oct 2025 เป็นต้น