PDF Available  
Special Report - Thai Stocks

Energy at play - LNG สำคัญช่วงเปลี่ยนผ่านแต่ล้นตลาด บวกต่อ SPP

11 Nov 25 6:57 AM
สรุปสาระสำคัญ
  • สัปดาห์ก่อน Brent -2.1%WoW, GRM -23.5%, ถ่านหิน (NEX) +2.3%, ราคาก๊าซ US +5.1%
  • กลุ่ม O&G -0.9%WoW, โรงกลั่น -1.4%, ปิโตรเคมี -10.3%, ไฟฟ้า -4.2%, ถ่านหิน -3.8%
  • COP30 มีวาระใหม่ เช่น การฟื้นฟูป่าและลดการพึ่งพาฟอสซิล แต่คาดการผลักดันในปีนี้มีความท้าทายจากหลายประเทศยังไม่ยื่นแผน NDC และประเทศเจ้าภาพที่ยังคงเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ LNG คงมีบทบาทสำคัญช่วงเปลี่ยนผ่าน ระยะสั้นราคามีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ บวกต่อโรงไฟฟ้า
  • กองทุนน้ำมันฯ พลิกจ่ายพยุงราคาดีเซล แต่บัญชีน้ำมันคงมีกระแสเงินไหลเข้า และมองการพยุงจะเกิดขึ้นชั่วคราวจากราคาน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มลดลง กระทบจำกัดต่อค่าการตลาด และไตรมาส 4 เป็นช่วงฤดูกาลของการเดินทางซึ่งหนุนการใช้เชื้อเพลิง รอจังหวะเก็งกำไรระยะสั้น OR

การผลักดันประเด็นของ COP30 เผชิญแรงกดดัน – LNG จะมีบทบาทสำคัญในช่วงเปลี่ยนผ่าน

การประชุมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของ UN หรือ COP30 ที่ถูกจัดขั้นในบราซิลระหว่างวันที่ 6-21 พ.ย. 2025 จะมีวาระผลักดันต่างๆ เช่น การติดตามความคืบหน้าแผนปฏิบัติการด้านภูมิอากาศแห่งชาติ (NDC) ซึ่งมีเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5°C โดยปัจจุบันมีเพียง 69 ประเทศที่ได้ยื่นแผนแล้ว (WEF),  การจัดตั้งกองทุน TFFF เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าร้อนชื้น เป็นต้น ขณะที่เจ้าภาพเผยว่ามีเป้าหมายจะ “ก้าวข้าม” การพึ่งพาฟอสซิลและฟื้นฟูพื้นที่ป่า (Argus) ด้าน EU มีมติเห็นชอบเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 66.25-72.50% จากช่วงทศวรรษ 1990s ภายในปี 2035  โดยปัจจุบัน EU สามารถลดได้แล้วราว 37% (Platts) และเป้าหมายการลดการปล่อยมลภาวะ 90% ภายในปี 2040 (Figure 2) รวมถึงการผ่อนคลายให้สามารถใช้ Carbon Credit จากนานาชาติมาใช้ทดแทนการปล่อยมลภาวะได้สูงสุด 5% จากเดิมที่ 3% สะท้อนท่าทีที่ผ่อนคลายและประนีประนอมกับภาคอุตสาหกรรม ท่ามภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัว (Bloomberg)

มองการผลักดันวาระเกี่ยวกับสภาพอากาศใน COP30 จะเผชิญความท้าทายจากหลายประเทศ ที่ยังไม่ยื่นแผน NDC รวมถึงแนวทางการเปลี่ยนผ่านออกจากฟอสซิล ซึ่งได้ตกลงใน COP28 (Bloomberg), ภาวะเศรษฐกิจที่เผชิญแรงกดดัน และบราซิลซึ่งเป็นหนึ่งประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบสูงที่สุดในกลุ่ม Non-OPEC+ และได้ประกาศแผนขยายการผลิตเพิ่ม (Argus) สอดคล้องกับ UN ที่เผยว่าเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5°C มีความท้าทายขึ้นจากความพยายามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ไม่เพียงพอ และนโยบายสนับสนุนฟอสซิลของสหรัฐฯ ด้านบริษัทพลังงาน TotalEnergies ได้ปรับคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกจะอิ่มตัวช้าลงภายในทศวรรษ 2040s จากเดิมใน 2030s เนื่องจากไม่พบการเปลี่ยนผ่านอย่างมีนัยยะฯ ในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ BP ที่ประเมินอุปสงค์จะอิ่มตัวช้าลง 5 ปีเป็นภายในปี 2030 ขณะที่ Exxon มองอุปสงค์จะแข็งแกร่งถึงปี 2050

มอง LNG จะมีบทบาทสำคัญในช่วงการเปลี่ยนผ่านเนื่องจากในการผลิตไฟฟ้า LNG สร้างมลภาวะต่ำเมื่อเทียบกับถ่านหินและมีเสถียรภาพกว่าเมื่อเทียบกับ RE ที่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ และการเปลี่ยนผ่านที่เผชิญความท้าทายคาดจะทำให้ช่วงเปลี่ยนผ่านใช้เวลานานขึ้น ขณะที่ราคา LNG คาดจะมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำในระยะต่อไป จากอุปทานที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง IEA ประเมินจะมีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นอีกราว 250bcm/y (Figure 3) และในปี 2026 คาดว่าจะเห็นอุปทานที่ขยายตัวต่อเนื่องจากการส่งออกจากสหรัฐฯ ขณะที่อุปสงค์เผชิญปัญหาคอขวดจากการส่งมอบกังหันก๊าซฯ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ที่ล่าช้า ทำให้ ปธน. ทรัมป์ประกาศจะให้โรงไฟฟ้าถ่านหินให้กลับมาผลิตไฟฟ้าอีกครั้ง (Reuters) และจีนที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสัดส่วนนำเข้าก๊าซฯ ผ่านท่อจากรัสเซียและยังไม่มีสัญญาณผ่อนคลายภาษีนำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ โดย LNG สหรัฐฯ เผชิญอัตรา 25% (Platts) มองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าจากต้นทุนเชื้อเพลิงไฟฟ้าที่มีแนวโน้มลดลงในระยะต่อไป เชิงกลยุทธ์ เก็งกำไรโรงไฟฟ้า SPP อย่าง BGRIM และ GPSC และเชิงพื้นฐาน สะสม GULF ซึ่งมีปัจจัยหนุนในประเทศจากโครงการ Direct PPA, นโยบาย Quick Big Win และอุปสงค์ใหม่จากการลงทุน Data Center แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ติดตามสภาพอากาศในยุโรปอาจหนุนต้นทุนเชื้อเพลิงในระยะสั้น (Figure 4)

 

ฐานะกองทุนน้ำมันฯ คงแข็งแกร่งแม้พลิกพยุงดีเซล คาดการเดินทางช่วงไฮซีซันช่วยหนุน

กองทุนน้ำมันฯ พลิกจ่ายสนับสนุนราคาดีเซลที่ 0.70 บาท/ลิตร นับตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2025 จากราคาน้ำมันโลกที่ปรับขึ้นในช่วงปลาย ต.ค. (Figure 5) และนโยบาย Quick Big Win ที่ลดเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 31 บาท/ลิตร ทำให้กองทุนน้ำมันฯ ในสัปดาห์ก่อนเก็บเงินเข้าบัญชีน้ำมันลดลงเหลือ 31 ลบ./วัน จากใน ต.ค. 2025 ที่เคยเก็บได้เฉลี่ย 118 ลบ./วัน (Figure 6)

คงมองบวกต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมันจากกองทุนน้ำมันฯ ที่คงมีกระแสเงินไหลเข้าอยู่แม้กำลังพยุงราคาดีเซล และคาดว่าการพยุงดังกล่าวจะเกิดขึ้นชั่วคราวเนื่องจากตลาดน้ำมันเผชิญภาวะอุปทานล้นเกินและจะล้นเกินมากขึ้นในปี 2026 (Figure 7) และมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นตามปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล (Figure 8) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ รอจังหวะเก็งกำไรระยะสั้น OR ซึ่งมีธุรกิจ Non-oil ที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพการเติบโต ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์อุทกภัยอาจกระทบต่อแผนการเดินทาง

 

ความเสี่ยง: เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน, สถานการณ์ในตะวันออกกลาง, การเมืองในประเทศ, นโยบายพลังงานสหรัฐฯ และไทย, รัสเซีย-ยูเครน, นโยบายการผลิตของ OPEC+

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5