Keyword
PDF Available  
Special Report - Thai Stocks

กลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทย – ภายใต้การเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมปี 2568

12 Sep 25 8:46 AM
สรุปสาระสำคัญ

INVX มองปี 2568 เศรษฐกิจไทยอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยสูงกว่าปีก่อนและยังมีโอกาสใกล้เคียงปี 2560 หรือปี 2565 หากมีฝนตกสูงต่อเนื่องซึ่งยังคงต้องติดตาม แต่คาดจะไม่หนักเท่ามหาอุทกภัยในปี 2554 หลังภาครัฐมีบทเรียนบริหารจัดการน้ำ โดยหากไม่มีพายุพัดเข้าไทยมากกว่าที่คาด และมีปริมาณฝนลดลงจากนี้จนถึง ต.ค. 68 คาดโอกาสเกิดน้ำท่วมหนักใน กทม. ดังเช่นปี 2554 ยังเป็นไปได้น้อยมาก เว้นแต่จะมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ที่ระบายไม่ทันช่วงสั้นเท่านั้น ทั้งนี้กลยุทธ์ลงทุนสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำ “หาจังหวะซื้อเก็งกำไร” ในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์อุทกภัยอย่าง TASCO, HMPRO, GLOBAL, BJC เนื่องจากจากสถิติระหว่างปี 2558-2567 (ยกเว้นปี 2563 ที่เกิดวิกฤตโควิด-19) พบว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นได้ดีเมื่อซื้อลงทุนช่วงกลาง ก.ย. และไปขายต้น พ.ย. โดยคาดหวังได้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยราว 2.6%

ล่าสุด (9 ก.ย. 68) ปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งหมดของไทยอยู่ที่ 75% สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 (70%), ปี 2565 (64%) และปี 2567 (65%) อีกทั้งยังใกล้เคียงมหาอุทกภัยปี 2554 (78%) รวมทั้งปริมาณน้ำฝนสะสม 7M68 ยังสูงขึ้น 25%YoY (แม้จะยังต่ำกว่าปี 2554, ปี 2560 และปี 2565 ราว 10%) จึงส่งผลให้ INVX มองว่าปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมสูงกว่าปีก่อนและยังมีโอกาสใกล้เคียงปี 2560 หรือปี 2565 หากมีปริมาณฝนตกสูงต่อเนื่อง แต่คาดจะไม่หนักเท่ามหาอุทกภัยในปี 2554 เนื่องจากมองภาครัฐมีบทเรียนในการบริหารจัดการน้ำในอดีต อีกทั้งคาดจะมีพายุโซนร้อนเหลือพัดเข้าไทยอีกเพียง 1-2 ลูกในช่วง ก.ย.-ต.ค. 68 (น้อยกว่า ก.ย.-ต.ค. 54 ที่มีพายุโซนร้อนพัดเข้าไทยถึง 5 ลูก) ดังนั้นหากไม่มีพายุพัดเข้าไทยมากกว่าที่คาดไว้และมีปริมาณฝนทยอยลดลงจากนี้จนถึง ต.ค. 68 คาดโอกาสเกิดน้ำท่วมหนักใน กทม. ดังเช่นปี 2554 ยังเป็นไปได้น้อยมาก เว้นแต่จะมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ที่มีฝนตกหนักทำให้ระบายไม่ทันเพียงช่วงสั้นเท่านั้น ส่วนภาคเหนือ ภาคกลางตอนเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือคาดจะเป็นภาคที่มีเสี่ยงสูงมากสุดที่จะเผชิญอุทกภัยจากปริมาณน้ำฝนที่สูง น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และน้ำล้นตลิ่ง 

 

ในส่วนของเศรษฐกิจ INVX มองว่า หากสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ ภาคกลางตอนเหนือ และภาคตะวันออก ยืดเยื้อยาวนาน 1 เดือน อาจกระทบต่อการผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการในพื้นที่ดังกล่าว และทำให้เศรษฐกิจเสียหายราว 7.3 พันลบ. (0.037% GDP)  โดยภาคเกษตรอาจได้รับผลกระทบเป็นหลัก แต่กรณีเลวร้ายหากสถานการณ์ลากยาวและกระทบภาคส่วนอื่นๆ จะกระทบต่อเศรษฐกิจถึงราว 3.0 หมื่นลบ. (0.15% GDP)

 

ผลกระทบของอุทกภัยต่อเศรษฐกิจ (ณ ก.ย. 2568)

ณ วันที่ 10 กันยายน 2568 สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยยังคงอยู่ในภาวะเฝ้าระวัง อันเป็นผลจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 มีสถานการณ์อุทกภัยใน 19 จังหวัดที่มีรายงานความเสียหายชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานพื้นที่ทางหลวงที่ถูกน้ำท่วมในนครราชสีมาและอยุธยา ขณะที่กรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อรองรับมวลน้ำจากตอนบน ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำมีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม  สถานการณ์นี้เป็นผลต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุและปรากฏการณ์ลานีญาที่ส่งผลให้มีฝนตกมากกว่าปกติ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมมาตรการรับมือและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจขยายตัวไปยังพื้นที่อื่น


แม้เบื้องต้น INVX ประเมินความเสียหายรวม 7.3 พันล้านบาท หรือ 0.037% GDP ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้วที่ความเสียหายอยู่ที่ประมาณ  2.98 หมื่นล้านบาท และต่ำกว่าการประเมินของหอการค้าไทยที่คาดความเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยสมมุติฐานหลักของเราคือภาคเกษตรรับผลกระทบหนักที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ 8 จังหวัดที่ประสบอุทกภัย และคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะส่งผลกระทบยาวนาน 1 เดือน

 

แต่อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าสถานการณ์อาจยาวนานและรุนแรงกว่าคาด เนื่องจากดัชนี Sothern Oscillation Index (SOI) ยังคงบ่งชี้ความเสี่ยงปริมาณน้ำฝนที่จะอยู่สูงต่อเนื่องในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจากภาวะ La Nina นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงว่าสถานการณ์อาจกระทบกับภาคส่วนเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งในกรณีเลวร้าย หากปริมาณน้ำฝนยังมีสูงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับในปี 2567 เป็นไปได้ที่จะกระทบต่อพื้นที่เกษตร และภาคบริการเป็นวงกว้าง ซึ่งเรามองว่า ผลกระทบโดยรวมอาจจะประมาณ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นภาคเกษตร 2 หมื่นล้านบาท และภาคบริการและท่องเที่ยว 1 หมื่นล้านบาท


โดยสรุป เรามองว่า หากสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ ภาคกลางตอนเหนือ และภาคตะวันออก ยืดเยื้อยาวนาน 1 เดือน อาจกระทบต่อการผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการในพื้นที่ดังกล่าว และทำให้เศรษฐกิจเสียหายประมาณ 7.3 พันล้านบาท หรือ 0.037% GDP โดยภาคเกษตรอาจได้รับผลกระทบเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในกรณีเลวร้ายหากสถานการณ์ลากยาว และกระทบภาคส่วนอื่น ๆ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจถึงประมาณ 3.0 หมื่นล้านบาทหรือ 0.15% GDP

 

INVX believes the Thai economy could face higher risks of flood damage in 2025 than in 2024, with a possibility it will be as severe as in 2017 or 2022 if currently heavy rainfall persists. At the same time, it is unlikely to reach the severity of the great floods in 2011, as the government has improved water management in the interim. If no additional storms hit Thailand beyond current forecasts and rainfall decreases through October 2025, the likelihood of severe flooding in Bangkok remains low—though short-term flooding in certain poorly drained areas cannot be ruled out.

 

Investment Strategy: For investors with higher risk tolerance, INVX recommends looking for short-term trading opportunities in stocks likely to benefit from flooding, such as TASCO, HMPRO, GLOBAL, and BJC. Historical data from 2015–2024 (excluding 2020 due to the COVID-19 crisis) shows that these stocks have tended to perform well when purchased in mid-September and sold in early November, with average peak returns of around 2.6%.

 

As of September 9, 2025, Thailand’s reservoirs are at 75% capacity, higher than the same period in 2017 (70%), 2022 (64%), and 2024 (65%), and close to the 2011 flood level (78%). Meanwhile, cumulative rainfall in 7M25 is up 25% YoY, though still about 10% below 2011, 2017, and 2022 levels. This leads INVX to believe that flood risk in 2025 is higher than in 2024 and if the heavy rainfall persists, could lead to a situation similar to 2017 or 2022. At the same time, it is our belief, the situation is unlikely to reach the severity of 2011, as the government has improved water management in the intervening years.


INVX expects only 1–2 additional tropical storms in Sep–Oct 2025, compared with five in the same period of 2011. Thus, unless storm frequency exceeds forecasts and rainfall remains heavy through October, the probability of severe flooding in Bangkok remains low—though temporary flooding in some areas with poor drainage cannot be ruled out. The highest-risk regions are the North, Upper Central, and Northeast, which may face flash floods, overflow, and prolonged inundation.


Economic impact: If floods in these regions persist for one month, agriculture, industry, and services would be affected, with damage estimated at about Bt7.3bn (0.037% of GDP), primarily in the agricultural sector. In a worst-case scenario, if the flooding is prolonged and disrupts broader economic activities, total damage could reach Bt30bn (0.15% of GDP).

 

Download PDF Click > Thai-Equity-Market-Strategy-Under-Flood-Risk-Monitoring-in-2025_250912_E.pdf

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5