![test_blog_details_img](/ResourcePackages/scbs/assets/dist/images/blog-details/smile-face.png)
เนื้อหาโดยรวม
สรุปภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นต่อ S&P500 ทำ new high ระหว่างสัปดาห์อีกครั้ง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาแย่ ทั้งการผลิตและการจ้างงาน โดยดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของสหรัฐลดลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) ของสหรัฐต่ำสุดในรอบ 3 ปี ในเดือน เม.ย. ทำให้สัดส่วนตำแหน่งงานเปิดใหม่เทียบกับผู้เลิกจ้างต่ำสุดในรอบ 3 ปี เช่นกัน บ่งชี้ว่าความต้องการแรงงานน้อยลงท่ามกลางผู้ว่างงานที่มากขึ้น ตัวเลขขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นและมากกว่าคาด ทำให้ตลาดกลับไปให้น้ำหนักโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 70% ในเดือน ก.ย. และอีกครั้ง ในเดือน ธ.ค. ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรลดลงมาแรงต่ำกว่า 4.3% นอกจากนั้นตลาดยังมีประเด็นข่าวบวกจากแนวโน้มสินค้าใหม่ของอุตสาหกรรม AI ด้านธนาคารกลางในกลุ่ม G7 เริ่มลดดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกัน หุ้น EM ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเหนือที่ได้รับผลบวกตามกลุ่มเทคโนโลยี จากความต้องการใช้ชิ้นส่วน AI และการออกสินค้าใหม่ของ NVDA และ AMD นอกจากนั้นดัชนี PMI ภาคการผลิตของประเทศอุตสาหกรรมในเอเชีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม ฟื้นตัวในเดือน พ.ค. อย่างพร้อมเพรียง ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ของรอบนี้ กดดันจากความกังวลด้านการเมืองในประเทศ นอกจากนั้นกลุ่มพลังงานยังอ่อนตัวตามราคาน้ำมันที่ลดลงหลังการประชุม OPEC+ ที่มีมติทยอยเพิ่มการผลิตกลับมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2024 – ก.ย. 2025
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอลง ทั้งจากดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ ตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) และการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) ที่ชะลอตัวเกินคาด ทำให้ตลาดมองว่าโอกาสในการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. มีมากขึ้น ด้านตัวเลขเศรษฐกิจโลกดีขึ้นโดยเฉพาะภาคการผลิตในเอเชีย
ตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจาก (1) กังวลความเสี่ยงการเมืองมากขึ้น หลังศาล รธน. นัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 12 มิ.ย. (2) กกร. ประเมิน GDP ไทยปีนี้โต 2.2-2.7% จากปลายปัจจัยเสี่ยง (3) นายกฯ สั่งเร่งจัดเก็บภาษี หลังสรรพสามิตพลาดเป้า 13.4% (4) ธปท. ยอมรับ SME กู้ธนาคารไม่ได้เกินครึ่ง ต้องกู้นอกระบบแทน แนะมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลงมาอยู่ที่ 4.30% ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลงมาอยู่ที่ 4.74% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -44 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับลงมาอยู่ที่ 2.79% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ลดลงเล็กน้อยที่ 2.37% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 3,190 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 24 พ.ค. ที่ 81.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2,398.7 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ 104.1 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 155.75 เยน ด้านค่าเงินยูโรแข็งขึ้นเล็กน้อยที่ 1.09 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 36.37 บาท ขณะที่เงินหยวนอ่อนตัวที่ระดับ 7.25 หยวน
ท่านสามารถอ่านและดาวน์โหลดเอกสารได้จาก Wealth weekend_InnovestX_240607_T