สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นโลกปรับฐาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่ถูกกดดันทั้งจากการเปลี่ยนกลุ่มเล่น ไปสู่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย และหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น รวมถึงความกังวลด้านนโยบายที่เพิ่มขึ้นทั้งจากรัฐบาลไบเดนปัจจุบัน และในอนาคตหากอดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามา อย่างไรก็ตามท้ายสัปดาห์การขายเริ่มขยายวงไปสู่หุ้น value และหุ้นขนาดเล็ก สะท้อนความกังวลเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากขึ้น โดย VIX index ปรับขึ้นมาสูงสุดในรอบ 3 เดือน สัปดาห์ประเด็นหลักอยู่ที่โอกาสที่ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นอีก ภายหลังจากถูกลอบสังหารแต่ไม่สำเร็จ นอกจากนั้นยังได้ส่งสัญญาณลบกับไต้หวันต่อท่าทีที่จะปกป้องการรุกรานจากจีนและ ปธน.ไบเดน กำลังพิจารณาบทลงโทษบริษัทผลิตชิปที่ส่งสินค้าไปยังจีน ส่งผลกดดันต่อหุ้นในกลุ่มเซมิฯ ด้านประธาน Fed เชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังจะลดลงเข้าสู่เป้าหมาย และให้ความสำคัญกับเป้าหมายการจ้างงานมากขึ้นเท่ากับเป้าหมายเงินเฟ้อ ตลาดประเมินว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. นำไปสู่การเปลี่ยนไปสู่กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และหุ้นที่ได้ประโยชน์หากทรัมป์กลับมาเป็น ปธน. ฝั่งยุโรป ECB คงดอกเบี้ยตามคาด แต่เริ่มกังวลต่อความเสี่ยงด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดยังเชื่อว่า ECB จะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. จีนรายงาน GDP 2Q24 ขยายตัว 4.7% และยอดค้าปลีกขยายตัว 2.0% ต่ำกว่าคาด ภาพดังกล่าวสะท้อนการฟื้นตัวที่ยังเปราะบาง แม้จะมีการกระตุ้นต่อเนื่อง ส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นฝั่ง EM รวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงเล็กน้อย จากปัจจัยกดดันเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด แต่ได้ปัจจัยหนุนบางส่วนจากปริมาณน้ำมันดิบสำรองที่ลดลงมากกว่าคาด
ตลาดหุ้นโลก
สัปดาห์นี้ ดัชนีตลาดหลักเริ่มลดลง โดยในสหรัฐเปลี่ยนกลุ่มไปยังหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น หลังเป็นไปได้ที่อดีต ปธน. ทรัมป์จะได้รับเลือกเป็น ปธน. มีมากขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอลง ทำให้โอกาสลดดอกเบี้ยมีมากขึ้น ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ด้าน IMF คงประมาณการเศรษฐกิจโลกแต่ปรับประมาณการเศรษฐกิจเอเชียขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าคาดจากเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ
ตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ ตลาดปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค อีกทั้งปัจจัยการเมืองยังยืดเยื้อและรอความชัดเจนของ Digital Wallet ขณะที่ (1) ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมทรุดเป็นเดือนที่สามผลจากกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอ (2) ความกังวลในค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นทำให้กระทรวงพลังงานเตรียมหามาตรการปรับลด (3) IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 2.7% เป็น 2.9% ในปีนี้
ตลาดพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงเล็กน้อยที่ 4.19 % ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ปรับลดลงมาอยู่ที่ 4.46% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -27 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 2.62% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.34% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,838 ล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง หลังตลาดกังวลเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่อ่อนแอลงจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2,440.4 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงที่ 104.18 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ 157.13 เยน ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นที่ 1.09 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาททรงตัวที่ 36.21 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.26 หยวน
กดอ่านเพิ่มเติมและดาวน์โหลดเอกสารได้จากปุ่มด้านล่าง