สัปดาห์นี้อ่อนตัวลงเล็กน้อยหลังปรับตัวดีขึ้นในสัปดาห์ก่อน แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ เริ่มส่งสัญญาณชะลอลงเด่นชัดขึ้น โดย (1) PMI ภาคการผลิตจีนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 49.0 ในเดือนมิ.ย. จาก 48.8 ในเดือน พ.ค. แต่ยังอยู่ในโซนหดตัว ในขณะเดียวกัน กิจกรรมในภาคบริการอ่อนตัวลงเป็น 52.8 จาก 53.8 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว (2) ดัชนี ISM ภาคการผลิตสหรัฐปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ที่ 46 จาก 46.9 ในเดือนก่อน ขณะที่ดัชนีย่อยอื่น ๆ ก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการจ้างงาน คำสั่งซื้อ และต้นทุนการผลิต (3) ด้านประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ก็รุนแรงขึ้นหลังจีนประกาศแบนการส่งออกแร่ธาตุหายาก Gallium and Germanium ที่จีนเป็นผู้ผลิตถึงกว่า 70% ของการผลิตโลก ทำให้กระทบต่อการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดย Gallium เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ Germanium ใช้สำหรับการผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับกล้อง โดยเป็นการตอบโต้สหรัฐที่เตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อควบคุมการส่งออกชิปไปจีน ขณะที่ (4) กลุ่มประเทศ OPEC+ ประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม โดยซาอุดิอาระเบีย ประกาศขยายเวลาการลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องถึงเดือน ส.ค. ขณะที่รัสเซียประกาศลดการส่งออก 5 แสนบาร์เรล ทำให้กำลังการผลิตจาก OPEC+ทั้งหมดลดลง 5.16 ล้านบาร์เรล แต่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (5) รายงานการประชุม Fed เดือน มิ.ย. ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยกล่าวว่า คกก. เกือบทั้งหมดเห็นควรให้ขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขณะที่ตลาดแรงงานยังตึงตัวและเงินเฟ้อเป็นความเสี่ยง ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตร 2 และ 10 ปีเพิ่มขึ้น โดยผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปีขึ้นถึงระดับ 5% ขณะที่ 10 ปีขึ้นไประดับ 4% ทำให้ภาวะ Inverted Yield Curve รุนแรงต่อเนื่อง (6) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดมาก โดยเพิ่มขึ้นถึง 4.97 แสนตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.28 แสนตำแหน่งมาก โดยการจ้างที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ได้แก่ภาคบริการ เช่น สันทนาการ ก่อสร้าง การค้า การศึกษา ขณะที่ภาคที่หดตัวได้แก่ภาคการผลิตและเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้ตลาดแรงงานอื่น ๆ ชะลอลงต่อ โดยยอดขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นที่ 2.48 แสนตำแหน่ง จาก2.36 แสนตำแหน่งสัปดาห์ก่อน ขณะที่ตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) อยู่ที่ 9.8 ล้านตำแหน่งในเดือน มิ.ย. จาก 10.3 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อน (7) ISM ภาคบริการของสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง โดยอยู่ที่ 53.9 จุดในเดือนมิ.ย. จาก 50.3 ในเดือนก่อน
ตลาดหุ้นโลก
•สัปดาห์นี้อ่อนตัวลงเล็กน้อยหลังปรับตัวดีขึ้นในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ เริ่มส่งสัญญาณชะลอลงเด่นชัดขึ้น ทั้ง PMI ภาคการผลิตจีนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ภาคบริการชะลอต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี ISM ภาคการผลิตสหรัฐปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ด้านประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ก็รุนแรงขึ้นหลังจีนประกาศแบนการส่งออกแร่ธาตุหายากที่กระทบต่อการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่กลุ่มประเทศ OPEC+ ประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมแต่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย ด้านรายงานการประชุม Fed เดือน มิ.ย. ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปีเพิ่มขึ้น และ Inverted Yield Curve รุนแรงต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทย•สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ก่อนปรับตัวลงปลายสัปดาห์ จากปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยแม้ประธานสภาฯ จะประกาศประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกฯ วันที่ 13 ก.ค.แต่ตลาดยังคงไม่มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะได้เสียง 64 ส.ว. เพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ด้านเงินเฟ้อไทยต่ำสุดในรอบ 22 เดือนที่ 0.23% จากราคาอาหารและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลง แต่เลขา กนง. ให้สัมภาษณ์ Bloomberg ว่าเงินเฟ้อที่ลดต่ำลงไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงิน และ กนง. กังวลเงินเฟ้อในปีหน้ามากกว่า ขณะที่ กกร. กังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและปรับเป้าส่งออกเป็นหดตัว 0-2%
ตลาดพันธบัตร
•ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี เพิ่มขึ้นที่ 4.03% หลังจากรายงานการประชุม FOMC ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี เพิ่มขึ้นมากที่ 5.0% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี อยู่ที่ -100 bps•ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลงเล็กน้อยที่ 2.56% ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.13% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1.5 หมื่นล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์•ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. ที่ 74.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 76.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากการประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นของ OPEC+ ด้านราคาทองคำ (spot) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,933.3 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนลงเล็กน้อยที่ 102.95 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงที่ 143.7 เยน ด้านค่าเงินยูโรอ่อนลงเล็กน้อยที่ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 35.02 บาท ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.23 หยวน
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม WealthWeekend_230707_T