สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้นจาก (1) ความคาดหวังที่ว่า Fed จะยุติการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้นมามากทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงความตึงตัวทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรลดลงและเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยลดกว่า 30 bps ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ (2) รายงานการประชุม FOMC สหรัฐบ่งชี้ความเห็นแตกต่างในประเด็นว่าควรที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้หรือไม่ ทำให้ตลาดมองว่า มีความน่าจะเป็นประมาณ 91% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมนโยบายเดือน พ.ย. (3) ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ Fed หลายท่านส่งสัญญาณว่าสภาวะทางการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ อาจทดแทนการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยได้ เช่น ฟิลิป เจฟเฟอร์สัน รองประธานเฟด และ ราฟาเอล บอสติก ประธาน Fed สาขาแอตแลนตา (4) ด้านตลาดแรงงานสหรัฐส่งสัญญาณสับสน การจ้างงานสหรัฐพุ่งเกินคาดแต่ค่าจ้างลดลง ทำให้ตลาดลดทอนความคาดหวังการขึ้นดอกเบี้ยลง โดยเพิ่มขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7 แสนตำแหน่งเกินกว่า 2 เท่า ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 3.8% ในขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 62.8% ส่วนรายได้ต่อชั่วโมงเฉลี่ย และรายได้เฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับลดลง โดยอยู่ที่ 4.2% และ 3.4% จากเดือนก่อนที่ 4.3% และ 3.5% ตามลำดับ (5) ด้าน IMF คงประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่ 3.0% ปรับลดปี 2024 ลงเหลือ 2.9% และมองเงินเฟ้อยังเสี่ยง โดยปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 2023-24 ที่ 6.9% และ 5.8% ตามลำดับ บ่งชี้ความจำเป็นที่ยังต้องคงดอกเบี้ยสูงท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มากขึ้น (6) ดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐ (PPI) เดือน ก.ย. ปรับเพิ่มขึ้นที่ 2.2% สูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.6%
สัปดาห์นี้ตลาดปรับตัวดีขึ้นจากความคาดหวังที่ว่า Fed จะยุติการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้นมามากทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงความตึงตัวทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายงานการประชุม FOMC สหรัฐบ่งชี้ความเห็นแตกต่างในประเด็นว่าควรที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้หรือไม่ บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้มากขึ้นว่า Fed จะยุติการขึ้นดอกเบี้ย ด้านตลาดแรงงานสหรัฐส่งสัญญาณสับสน ทำให้ตลาดลดทอนความคาดหวังการขึ้นดอกเบี้ยลง ด้าน IMF คงประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้ ปรับลดปีหน้า และมองเงินเฟ้อยังเสี่ยง บ่งชี้ความจำเป็นที่ยังต้องคงดอกเบี้ยสูงท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มากขึ้น ด้านราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังฮามาซบุกอิสราเอล แต่ลดลงหลังสงครามไม่บานปลายและกังวลเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 4.56% หลังสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ Fed บ่งชี้ว่าอาจหยุดการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ ระยะสั้น 2 ปี ลดลงที่ 4.99% ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ย 2-10 ปี ลดลงที่ -0.43 bps
ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นที่ 3.30% ตามการตึงตัวของสภาพคล่องโลก ขณะที่ระยะสั้น อายุ 2 ปี ทรงตัวที่ 2.57% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1.54 หมื่นล้านบาท
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มจากราคาปิดวันศุกร์ที่ 6 ต.ค. ที่ 84.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 85.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยปรับเพิ่มขึ้นจาก 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนเกิดสถานการณ์รุนแรงในอิสราเอล มาสู่ระดับ 88 ดอลลาร์ในวันที่ 10 ต.ค. ก่อนปรับลดลงหลังกองทัพอิสราเอลเข้าควบคุมสถานการณ์และปิดล้อมฉนวนกาซา ด้านราคาทองคำ (spot) ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 1,888.8 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์
ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 105.7 จุด หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรลดลงหลังเจ้าหน้าที่ Fed ส่งสัญญาณอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 149.1 เยน ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นที่ 1.06 ดอลลาร์ต่อยูโร ด้านค่าเงินเอเชีย ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ 36.37 บาท ตามการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ขณะที่เงินหยวนทรงตัวที่ระดับ 7.30 หยวน
PDF คลิกอ่านเพิ่มเติม WealthWeekend_231012_T